วิธีการวางแผนการเงิน

Startup

3 วิธีการวางแผนการเงิน สำหรับ Startup

START UP เป็นธุรกิจที่เริ่มต้นจากก้าวเล็กๆ เริ่มจากไอเดียที่จะแก้ปัญหาpain pointของคนในสังคม เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยเร่งการเติบโตของธุรกิจให้ก้าวกระโดด แต่มีเงินลงทุนของตัวเองน้อย ทำให้ต้องขอทุนจากเหล่า VC หรือ Angel investor เพื่อนำเงินลงทุนมาพัฒนาธุรกิจของตัวเอง แลกกับการแบ่งหุ้นส่วนให้กับ VC ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจแบบ Startup ต้องวางแผนการใช้เงินลงทุนอย่างคุ้มค่า ทำบัญชีอย่างถูกต้อง วันนีเราจึงมีวิธีวางแผนการเงิน สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจ Startup มาฝากกันค่ะ

1.เงินทุน

เงินทุนก้อนแรกที่เราได้มาจากเงินเก็บตัวเอง หรือเงินของนักลงทุน  เราจะต้องใช้เงินเท่าไรในการเริ่มต้นทำ Startup แล้วจำนวนเงินเท่านี้มันเพียงพอไหม การเริ่มต้นทำธุรกิจในช่วงแรกต้องประหยัดค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้มีเงินไปจ่ายเงินเดือนของคนในทีม ซึ่งในช่วงเริ่มต้น Startup อาจจะต้องมีเงินทุนสูง และมีเงินสำรอง ควรวางแผนการใช้เงินทุนอย่างเหมาะสมตามจำนวนเงินทุนที่ได้มา วางแผนการใช้เงินตั้งแต่ระยะสั้น กลาง และยาว  แต่ไม่ควรกู้เงินมาทำธุรกิจในช่วงเบื้องต้น เพราะเรายังไม่รู้เลยว่าสินค้าหรือบริการ แฟลตฟอร์มของเราจะแมสในวงกว้างรึเปล่า เพื่อที่จะได้เผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอน อย่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 

2. สภาพคล่อง

 ทำธุรกิจทั้งที สภาพคล่องดีเป็นเรื่องที่สำคัญ ต้องเตรียมเงินสดในมือให้พร้อม ในการบริหารธุรกิจ เพราะเราจะต้องจ่ายหนี้ตามข้อตกลงที่ได้ตกลงกันไว้ ต้องจ่ายเงินเดือนให้ทีมงานด้วย การมีสภาพคล่องทำให้ธุรกิจราบรื่น นักลงทุนรู้สึกเชื่อถือในตัวผู้ประกอบการ เพราะ นักลงทุนจะดูสภาพคล่อง ความตรงต่อเวลาในการชำระหนี้ กำไร ขาดทุน ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน สภาพคล่องของบริษัทจึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ นักลงทุนเลือกลงทุนในบริษัทของคุณ  หากขาดสภาพคล่องคุณจะขาดอำนาจการต่อรองกับคู่ค้า Credit ก็เสีย  

3. กระแสเงินสด

กระแสเงินสดยังคงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการทำธุรกิจ  เรื่องนี้ต้องทำบัญชีให้ละเอียด เราจะได้ทราบกำไร-ขาดทุน และกิจกรรมในการทำให้เงินเข้า และเงินออกมีอะไรบ้าง เราอาจจะจ้างผู้เชี่ยวชาญทางด้านบัญชี เพราะมันสำคัญมากในการจ่ายภาษีของบริษัท ถึงแม้ Startup จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปีก็จริงค่ะ  เราจะได้ตัดสินใจบริหารเงินได้ถูกว่าควรนำเงินที่เข้ามา มาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ เช่น  การจ่ายเงินกู้ การเก็บไว้เป็นเงินสำรองขององค์กร การขยายกิจการ 

ทั้งหมดนี้เป็นเพียง 3 วิธีการบริหารจัดการเงินให้มีประสิทธิภาพ ลองไปประยุกต์ใช้กับองค์กรของตัวเองกันดูนะคะ ถึง Startup จะมีโมเดลธุรกิจที่ดี มีแผนธุรกิจที่ดี แผนการตลาดกำลไงไปได้สวย ทรัพยากรในองค์กรมีคุณภาพ แต่ก็มีสิทธิล้มเหลวได้ เพราะไม่ได้มีการวางแผนด้านการเงิน หรือ เติบโตเร็วเกินไปก็ไม่ดีเช่นกัน

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ GUรู็ การเงิน 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

วิธีเริ่มต้นทำธุรกิจ Startup

Startup

5 วิธีเริ่มต้นทำธุรกิจ Startup

ในยุคนี้ เราจะได้ยินคนรุ่นใหม่ๆ ใฝ่ฝันอยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจ  เพราะนอกจากจะดูเท่ ได้เป็นเจ้านายตัวเองแล้ว ยังสามารถบริหารเวลาในการใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ อย่างไรก็ตาม การจะเป็นเจ้าของธุรกิจจะต้องมีความอดทนเข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค และมีวินัย บริหารเวลาทุกวินาทีอย่างคุ้มค่า โน้มน้าวคนเอื่นได้ดี บริหารทรัพยากรในองค์กรและบริหารเงินเก่งในระดับหนึ่ง ถึงจะสามารถประสบความสำเร็จได้ จำเป็นที่ผู้ประกอบการต้องมีความรู้ความเข้าใจในการทำธุรกิจเป็นอย่างดีเสียก่อน โดยเฉพาะธุรกิจสตาร์ทอัพที่เป็นธุรกิจสำหรับคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่เต็มไปด้วยpassion

1. Startup Overview and Idea Discovery: สตาร์ทอัพ เป็นธุรกิจที่เริ่มต้นจากจุดเล็กๆด้วยแนวคิดในการแก้ปัญหา ใช้เงินทุนของคนอื่นมาสร้างธุรกิจขั้นแรกในการเริ่มต้น แต่ธุรกิจSMEsเป็นธุรกิจที่มีขนาดใหญ่กว่าเป็นสินทรัพย์ เริ่มต้นด้วยการขายสินค้าที่จับต้องได้ คือ การเข้าใจปัญหา รู้pain pointหรือจุดเจ็บปวดของคนอื่น ที่มีขนาดของตลาดที่ใหญ่พอที่จะสามารถแก้ปัญหาให้กลุ่มเป้าหมายได้ และเติบโตอย่างรวดเร็ว อย่างGrab แล้วใช้เวลาให้มากที่สุดในการเข้าใจลูกค้าหรือinsight ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญมากในการตีโจทย์ของปัญหา แล้วค้นหาไอเดียเพื่อแก้ไขปัญหาด้วยความคิดที่แตกต่าง และโดดเด่นออกไป

เราสามารถเริ่มต้นคิดไอเดียใหม่ๆ ด้วยการตั้งคำถามแบบปลายเปิด และเปิดโอกาสให้ทุกคนในทีมได้แสดงความคิดเห็น เช่น เราอยากคุยกับคนที่อยู่คนละฝั่งกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้เราเกิดความคิดสร้างสรรค์ ใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบหรือDesign Thinking เราอาจจะสร้างสะพานเพื่อไปหาคนที่อยู่อีกฝั่ง หรือ สร้างโทรศัพท์เพื่อให้โทรคุยกันได้ หลังจากที่เราลิสต์ไอเดียมา 3 อันดับแรกแล้ว ให้นำไอดียนั้นไปทดสอบกับกลุ่มเป้าหมายจริงๆ โดยสร้างproductแบบง่ายๆใช้เวลาไม่มาก และให้กลุ่มเป้าหมายคอมเม้นสินค้าของเรา สุดท้ายต่อด้วยร่างแผนธุรกิจด้วยเทคนิคLean canvas

2. Transform Ideas to Product: หลังจากที่ทดสอบไอเดีย แล้วพบว่ามันเวิร์ค มีคนสนใจสินค้าเรามาก ให้เราสร้างProduct ให้ตรงใจกับที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ โดยสร้างจุดเด่นของสินค้าเราที่แตกต่างจากคู่แข่งมาหนึ่งอย่าง เมื่อลูกค้าใช้สินค้าของเรา แล้วต้องนึกถึงจุดเด่นตรงนี้

3. Scaling up the Startup Business: การขยายธุรกิจ สตาร์ทอัพต้องเติบโตเร็วภายในระยะเวลาอันสั้น

4. Becoming an EstablishedStartup: การเร่งขยายธุรกิจให้เติบโตรวดเร็ว โดยใช้แหล่งเงินทุนจากVC หรือ Venture Capitalist จะให้เงินทุนมากกว่า Angle Investor แต่หวังผลตอบแทนมากกว่า Angle Investor  และAngle Investor จะคาดหวังให้ธุรกิจที่ลงทุนนั้นเติบโตและคอยแนะนำให้คำปรึกษาจากประสบการณ์ของตนเองแก่CEOของธุรกิจสตาร์ทอัพ มันคงจะดีไม่น้อย หากเรามีนักลงทุนที่ไม่หวังเพียงผลตอบแทน เพียงอย่างเดียว แต่พร้อมที่จะช่วยเหลือเรา คอยให้คำปรึกษาให้ธุรกิจของเราเติบโตไปพร้อมๆกับเงินลงทุนที่มากขึ้น 

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ มาร์เก็ตติ่ง 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook