PayPal เปิดตัว Stablecoin PYUSD

PayPal เปิดตัว Stablecoin PYUSD

บริษัท PayPal ยักษ์ใหญ่ทางด้านการเงินกระโดดเข้าสู่วงการคริปโตเตรียมสร้างเหรียญ Stablecoin ที่มีชื่อว่า PYUSD เมื่อพูดถึงคริปโตเคอเรนซี่ จะมีเหรียญประเภทหนึ่งชื่อว่า Stablecoin โดยเหรียญประเภทนี้จะไม่มีความผันผวนเนื่องจากจะมีการผูกค่าเงินด้วยทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็นเงิน US Dollar หรือพันธบัตรรัฐบาล Stablecoin จึงนิยมใช้มาเป็นคู่เทรดของเหรียญคริปโตตัวอย่างเช่น USDT, USDC หรือ BUSD

ภาพ wallpapers.com

PYUSD ก็คือหนึ่งใน stablecoin ที่จะผูกมือค่าเงินกับ USD และอยู่บนเชนของ Ethereum โดยเหรียญ PYUSD จะได้รับการออกโดยบริษัท Paxos ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับที่ออกเหรียญ BUSD ให้กับ Binance ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ PayPal เข้ามา ในวงการคริปโต ก่อนหน้านี้บริษัทได้มีการสร้าง PayPal Network เพื่อไว้แลกเปลี่ยนเหรียญ BTC, BCH, LTC และ ETH การที่บริษัท PayPal เข้ามาทำเหรียญ PYUSD มีแนวโน้มที่จะทำให้คนส่วนใหญ่เข้ามาศึกษาคริปโตเคอเรนซี่มากยิ่งขึ้น เพราะว่าบริษัท PayPal อยู่ในแวดวงของการเงินมานานและเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก นอกจากนี้ยังสามารถต่อยอดไว้ในตัวอื่น ๆ ได้อีกด้วย และการใช้ Ethereum Chain ก็อาจจะทำให้มีคนสนใจใน ETH

มากขึ้นและอาจจะเป็นสินทรัพย์ที่มีการเติบโตในอนาคต แต่เมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย การที่PayPal เข้ามาทำแบบนี้ เป็นการเข้ามาแบบรวมศูนย์มากๆ และมีความเป็นไปได้ที่ผู้ใช้งานจะสูญเสียความเป็นส่วนตัวไปเนื่องจาก PayPal สามารถควบคุมและดูแลบัญชีของผู้ใช้งานได้นั่นเอง ซึ่งมันเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับคริปโตเคอเรนซี่ที่ต้องการความกระจายศูนย์ และในการควบคุมความเสี่ยงจากการสูญเสียเงินเหล่าที่เป็นผู้ใช้งานก็จำเป็นที่จะต้องเชื่อใจบริษัทที่มีการออกเหรียญนั้นๆ ตัวอย่างเช่น PYUSD ของ PayPal เราก็จำเป็นที่จะต้องเชื่อมั่นว่าเขานั้นมีการผูกค่าเงิน 1:1 และไม่ได้มีการโกงลูกค้า ดังนั้นแล้วในแง่มุมของ Stablecoin มันมีความรวมศูนย์อยู่ในตัว

ตอนนี้ PYUSD ยังคงใช้ประโยชน์ได้แค่เพียงการแลกเปลี่ยนกับเหรียญคริปโตอื่น ๆ ใน PayPal Network เท่านั้น ยังไม่มีประโยชน์ด้านอื่น ๆ

การกำกับดูแลเหรียญ Stablecoin

ภาพ Pexels/David McBee

อย่างที่รับรู้กันว่าประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ต้องการกำกับคริปโตเคอเรนซี่ และมีท่าทีที่ไม่เป็นมิตรดังนั้น Stablecoin ก็ต้องถูกกำกับดูแลด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนนี้ทางประธาน FED คุณ Jerome Powell ได้บอกว่าทาง FED ออกโรงที่จะกำกับดูแลด้วยตัวเอง โดยธนาคารที่มีการถือเหรียญ, ออกเหรียญ, หรือโอนเหรียญประเภท Stablecoin จำเป็นที่จะต้องรายงานให้แบงค์ชาติรับรู้ ซึ่งการที่ FED ออกมาบอกแบบนี้ก็หมายความว่าทางแบงก์ชาติจะดูแล Stablecoin ในตลาดคริปโต ซึ่งมันอาจจะทำให้ SEC ไม่มีอำนาจในส่วนนี้ไปนั่นเอง อย่างไรก็ตามเราคงต้องดูท่าทีของ Gary Gensler ว่าจะมีท่าทีกับ PYUSD และเหรียญ Stablecoin เหรียญอื่น ๆ อย่างไร

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ เศรษฐกิจโลก 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Stable Coin คืออะไร เหตุใดจึงสำคัญ

Stable Coin คืออะไร เหตุใดจึงสำคัญ

ในช่วงปลายปีอย่างนี้ตลาดคริปโตเคอเรนซี่หรือเงินดิจิตอลก็กลับมาเป็นกระแสดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่อีกครั้งหลังจากที่เคยเป็นที่นิยมและเป็นที่ถูกพูดถึงในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งสำหรับตลาดในประเทศไทยเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานั้นทำให้ กระแสในคริปโตประเทศไทยบูมมากขึ้นอย่างมากเลยทีเดียว มีคนจำนวนมากมายที่ได้กำไรจากการที่ราคาเหรียญพุ่งขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าต้นเดือนธันวาคมนี้ จะกลายเป็นเรื่องที่เลวร้ายสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่หรือคนที่เพิ่งเข้ามาในวงการเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

เมื่อช่วงสุดสัปดาห์แรกของเดือนธันวาคมราคาของ Bitcoin ลดลงมาถึงราคาเกือบถึง 1,600,000 บาท ทำให้ราคาเหรียญอื่นๆ ลดลงตามมาและนักลงทุนหน้าใหม่ที่เข้าซื้อที่ราคาแพงสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก และด้วยกาแฟที่ได้รับความนิยมเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนทำให้มีคนหลายคนกู้เงินออกมาเล่นเพื่อหวังผลกำไรแต่แล้วก็ต้องสูญเสียเงินไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว ด้วยความผันผวนของตลาดทำให้เราจำเป็นที่จะต้องรู้จัก Stable Coin

ภาพจาก Pixabay

Stable Coin เป็นเงินดิจิตอลประเภทหนึ่งที่ราคาไม่มีความผันผวน เพราะว่าเป็นเหลี่ยมที่มีเงินดอลล่าค้ำอยู่ทำให้ราคาเหรียญจะเท่ากับเงินสกุลดอลลาร์ของสหรัฐนั้นเอง ซึ่งเป็นเหรียญที่เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่เป็นอย่างมากเลยทีเดียวเพราะว่ามีความเสี่ยงต่ำเป็นอย่างมาก และตาม Exchange ต่าง ๆ ของต่างประเทศก็ใช้ Stable Coin ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินดิจิตอลสกุลอื่น ๆ ด้วย

ภาพจาก Pixabay

ด้วยความที่เป็นเหรียญที่ไม่มีความผันผวนทำให้เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่ที่ไม่ชอบความเสี่ยงแต่อยากลงทุนในตลาดคริปโตเคอเรนซี่ ซึ่งกว่าจะได้กำไรไม่เยอะในช่วงที่ราคาขึ้นแต่อย่างน้อยก็ไม่ขาดทุนเยอะเช่นกันในช่วงที่ราคาตลาดเป็นขาลง นอกจากนี้ในช่วงที่เหรียญอื่น ๆ ในตลาดมีการปรับตัวลงอย่างรุนแรง Stable Coin

สามารถใช้ในประคองพอร์ตของเราไม่ให้ขาดทุนได้ดีมากเลยทีเดียว แถมให้ช่วงที่ราคาของเหรียญในตลาดเป็นขาลง นักลงทุนหลาย ๆ คนใช้ Stable Coin ในการพักเหรียญเพื่อรอเวลาที่ตลาดจะกลับเป็นขาขึ้นอีกครั้ง ทำให้มีโอกาสที่เรียก Stable Coin จะมีราคาพุ่งสูงขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดเป็นขาลง ตัวอย่างเช่นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในช่วงที่ Bitcoin มีราคาลดลง เหรียญ USDT ซึ่งเป็นเหรียญ Stable Coin มีราคาสูงขึ้นจาก 34 บาทเป็น 36 บาทเลยทีเดียว

ภาพจาก Pixabay

นอกจากมีเรื่องของการซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญต่างๆ ในตลาดแล้ว Stable Coin ยังใช้เป็นเหรียญในการลดความเสี่ยงของแพลตฟอร์ม DeFi อีกด้วย เพราะเป็นเหรียญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในเรื่อง impermanent loss ได้ดีอย่างมากเลยทีเดียว สำหรับเหรียญ Stable Coin ที่นิยมใช้ในปัจจุบันนี้ก็คือ USDT, USDC, BUSD และ DAI

ข้อมูลจาก Cnet

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ เศรษฐกิจโลก  
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook 

Paypal เตรียมออก Paypal Coin

Paypal

PayPal เป็นแอปพลิเคชั่นที่รู้จักกันไปทั่วโลกในแง่มุมของการธนาคาร

เป็นช่วงเวลา 1 ปีคริปโตเคอเรนซี่มีความเติบโตอย่างมากหลาย ๆ บริษัทยักษ์ใหญ่เริ่มเข้ามาสนใจเทคโนโลยีบล็อกเชนมากขึ้น และนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปต่อยอดทางธุรกิจ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการสร้างเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ของตัวเองเพื่อใช้ในด้านธุรกิจซึ่งปัจจุบันนี้เราอาจจะเห็นมากมายในด้านธุรกิจเกี่ยวกับการทำเกม การทำเน็ตเวิร์ค หรือธุรกิจอื่น ๆ อีกมากมายที่เราเห็นได้ชัดเจนในประเทศไทยก็คือ Exchange ต่างๆที่ได้มีการสร้างเหรียญของ Exchange เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้บริการ ทำให้ในทุกวันนี้มีเหรียญเกิดใหม่มากขึ้นมากมายและก็จะมีอีกมากมายในอนาคต หนึ่งในบริษัทที่จะเริ่มต้นในการสร้างเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ของตัวเองก็คือ PayPal

 PayPal เป็นแอปพลิเคชั่นที่รู้จักกันไปทั่วโลกในแง่มุมของการธนาคาร โดยใช้ในการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างๆและใช้ในการโอนเงินในการใช้จ่ายสินค้าและบริการ ซึ่งในปีที่ผ่านมาก็เปิดให้บริการในด้านคริปโตเคอเรนซี่แล้วโดยอนุญาตให้มีการซื้อขายเหรียญคริปโตได้ไม่ว่าจะเป็น BTC, ETH, BCH, LTC ซึ่งเป็นสกุลใหญ่ ๆ ในตลาดคริปโตเคอเรนซี่เลยทีเดียว นอกจากการให้ตัวเองเป็นศูนย์ซื้อขายเงินดิจิตอลแล้วดูเหมือนว่า PayPal กำลังวางแผนที่จะสร้าง Stable Coin เป็นของตัว 

การสร้างเหรียญ Stable Coin ของ PayPal ได้ถูกยืนยันโดยสำนักข่าว Bloomberg โดย PayPal จะให้ชื่อของเหรียญ Stable Coin ที่ถูกสร้างขึ้นมาว่า “Paypal Coin” ซึ่งจะมีอัตราของเงินเท่ากับ US Dollar ในด้านของการใช้ประโยชน์ของเหรียญ Paypal Coin จะถูกเปิดเผยออกมาในภายหลังที่จะมีการเปิดตัวให้ใช้เหรียญอย่างเป็นทางการ 

การขยับเขยื้อนของ PayPal ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมากในโลกของเทคโนโลยีบล็อกเชน จากที่เริ่มต้นด้วยการสนับสนุนในการซื้อขายแลกเปลี่ยนก็เริ่มมีการพัฒนาเหรียญเป็นของตัวเองแล้วซึ่งจะเปิดตัวเมื่อไหร่นั้นก็คงต้องมาติดตามดูกัน ในเรื่องของการใช้ประโยชน์คงมีประโยชน์ที่หลากหลายมากอย่างแน่นอน และการทำให้เป็น  Stable Coin  จะทำให้เหรียญนี้สามารถใช้ประโยชน์ในด้านการจับจ่ายสินค้าและบริการได้อย่างแน่นอนเลยทีเดียว

 เนื่องจากเทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่ถูกเปิดเผย (Open Source) ทำให้ผู้คนสามารถนำโค้ดในการสร้างบล็อกเชนเพื่อสร้างแหล่งต่าง ๆ ไปพัฒนาต่อได้ ตอนนี้เราจึงได้เห็นเหรียญต่าง ๆ มากมาย อยู่ทั่วทุกมุมโลก บางคนบางบริษัทก็สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในด้านการประกอบธุรกิจและดำเนินธุรกิจให้ตามเทรนด์ของโลกได้ทัน แต่อีกหลายๆคนก็ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในการหาเงินหรือฉ้อโกงเงินจากผู้ที่ชอบลงทุนเพื่อหวังผลกำไรตอบแทน หลาย ๆ โปรเจ็คถูกยอมรับ หลายโปรเจ็คก็ถูกล้มเลิกไปซึ่งก็คงต้องมาติดตามดูว่า PayPal จะไปได้ไกลมากขนาดไหนกับการเข้ามาในเทคโนโลยีบล็อกเชน

ภาพจาก Wallpaperaccess

ข้อมูลจาก Cnet 

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ GUรู็ การเงิน 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Stable Coin คืออะไร เหตุใดจึงสำคัญ

Stable Coin

Stable Coin เป็นเงินดิจิตอลประเภทหนึ่งที่ราคาไม่มีความผันผวน

ในช่วงปลายปีอย่างนี้ตลาดคริปโตเคอเรนซี่หรือเงินดิจิตอลก็กลับมาเป็นกระแสดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่อีกครั้งหลังจากที่เคยเป็นที่นิยมและเป็นที่ถูกพูดถึงในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งสำหรับตลาดในประเทศไทยเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานั้นทำให้ กระแสในคริปโตประเทศไทยบูมมากขึ้นอย่างมากเลยทีเดียว มีคนจำนวนมากมายที่ได้กำไรจากการที่ราคาเหรียญพุ่งขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าต้นเดือนธันวาคมนี้ จะกลายเป็นเรื่องที่เลวร้ายสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่หรือคนที่เพิ่งเข้ามาในวงการเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

เมื่อช่วงสุดสัปดาห์แรกของเดือนธันวาคมราคาของ Bitcoin ลดลงมาถึงราคาเกือบถึง 1,600,000 บาท ทำให้ราคาเหรียญอื่นๆ ลดลงตามมาและนักลงทุนหน้าใหม่ที่เข้าซื้อที่ราคาแพงสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก และด้วยกาแฟที่ได้รับความนิยมเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนทำให้มีคนหลายคนกู้เงินออกมาเล่นเพื่อหวังผลกำไรแต่แล้วก็ต้องสูญเสียเงินไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว ด้วยความผันผวนของตลาดทำให้เราจำเป็นที่จะต้องรู้จัก Stable Coin

Stable Coin เป็นเงินดิจิตอลประเภทหนึ่งที่ราคาไม่มีความผันผวน เพราะว่าเป็นเหลี่ยมที่มีเงินดอลล่าค้ำอยู่ทำให้ราคาเหรียญจะเท่ากับเงินสกุลดอลลาร์ของสหรัฐนั้นเอง ซึ่งเป็นเหรียญที่เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่เป็นอย่างมากเลยทีเดียวเพราะว่ามีความเสี่ยงต่ำเป็นอย่างมาก และตาม Exchange ต่าง ๆ ของต่างประเทศก็ใช้ Stable Coin ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินดิจิตอลสกุลอื่น ๆ ด้วย

ด้วยความที่เป็นเหรียญที่ไม่มีความผันผวนทำให้เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่ที่ไม่ชอบความเสี่ยงแต่อยากลงทุนในตลาดคริปโตเคอเรนซี่ ซึ่งกว่าจะได้กำไรไม่เยอะในช่วงที่ราคาขึ้นแต่อย่างน้อยก็ไม่ขาดทุนเยอะเช่นกันในช่วงที่ราคาตลาดเป็นขาลง นอกจากนี้ในช่วงที่เหรียญอื่น ๆ ในตลาดมีการปรับตัวลงอย่างรุนแรง Stable Coin

สามารถใช้ในประคองพอร์ตของเราไม่ให้ขาดทุนได้ดีมากเลยทีเดียว แถมให้ช่วงที่ราคาของเหรียญในตลาดเป็นขาลง นักลงทุนหลาย ๆ คนใช้ Stable Coin ในการพักเหรียญเพื่อรอเวลาที่ตลาดจะกลับเป็นขาขึ้นอีกครั้ง ทำให้มีโอกาสที่เรียก Stable Coin จะมีราคาพุ่งสูงขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดเป็นขาลง ตัวอย่างเช่นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในช่วงที่ Bitcoin มีราคาลดลง เหรียญ USDT ซึ่งเป็นเหรียญ Stable Coin มีราคาสูงขึ้นจาก 34 บาทเป็น 36 บาทเลยทีเดียว

นอกจากมีเรื่องของการซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญต่างๆ ในตลาดแล้ว Stable Coin ยังใช้เป็นเหรียญในการลดความเสี่ยงของแพลตฟอร์ม DeFi อีกด้วย เพราะเป็นเหรียญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในเรื่อง impermanent loss ได้ดีอย่างมากเลยทีเดียว สำหรับเหรียญ Stable Coin ที่นิยมใช้ในปัจจุบันนี้ก็คือ USDT, USDC, BUSD และ DAI

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก Cnet

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ GUรู็ การเงิน 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook