2 step เตรียมตัวเป็นนักลงทุนForexมืออาชีพ

Forex

step 1  นักลงทุนมือใหม่ ควรเริ่มต้นอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ

ก่อนเริ่มลงทุน ควรมีวิธีคิด หรือ Mindset ในการลงทุน  โดยเริ่มต้น ดังนี้

1. ตั้งเป้าหมายแบบ Smart  ความผิดพลาดที่ทำให้นักลงทุนมือใหม่ไม่ประสบความสำเร็จในการเทรดForex คือ มือใหม่หลายคนหวังทำกำไรเป็นหลัก  เช่น ลงทุนเทรด 100 บาท แต่หวังทำกำไรให้ได้ 1000 บาท ถามว่ามันทำได้ไหม ฟอเร็กซ์สามารถทำได้นะคะ แต่โอกาสเป็นไปได้น้อยมาก มีความเสี่ยงสูงมาก

การตั้งเป้าหมายขององค์กรตามหลักการ SMART 

S : Specific – เฉพาะเจาะจง

M : Measurable – สามารถวัดได้

A : Achievable / Attainable – บรรลุผลได้

R : Realistic / Relevant – มีความเป็นจริง สมเหตุสมผล และสอดคล้อง

T : Timely – กำหนดช่วงเวลาที่ชัดเจน

เป้าหมายที่ดีต้องสามารถบรรลุได้ ซึ่งเป้าหมายที่บรรลุได้จะกระตุ้นให้เราอยากเอาชนะเป้าหมายให้ได้

เป้าหมายที่ดีจะต้องมีการกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน มีระยะเวลาที่แน่นอน มีวันสิ้นสุดของเป้าหมาย เพื่อที่จะทำให้เกิดการวางแผนการทำงานได้ครอบคลุมเราสามารถแบ่งเป้าหมายใหญ่ออกเป็นเป้าหมายย่อยๆ ที่เราเรียกว่า Small win ทำให้เรารู้ว่าในแต่ละวันต้องทำอะไรให้สำเร็จบ้าง

แล้วยิ่งถ้าเราทำสำเร็จ จะยิ่งทำให้ตนเองมีกำลังใจในการทำเป้าหมายเล็กๆในวันถัดๆไปได้สำเร็จ อีกทั้งยังทำให้เข้าใกล้เป้าหมายใหญ่ของเราได้อีกด้วย ยิ่งเป้าหมายของคุณชัดเจนมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ชีวิตของคุณเข้าใกล้

2. รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง คุณควร “ค้นหาตัวเองให้เจอ” ว่าเราเป็นนักลงทุนประเภทไหน

ประเภทของเทรดเดอร์ออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่

-เทรดเดอร์ระยะสั้น ชอบทำกำไรอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาในการเทรด 1-5 นาที และเก็บเงินทำกำไรช่วงสั้นๆเท่านั้น เก็บเล็กผสมน้อย ต้องใช้ความชำนาญ เพราะขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาสของสภาวะตลาดในขณะนั้น

-เทรดเดอร์รายวัน เทรดในช่วงเริ่มต้นของวัน และจะปิดสถานะการเทรดก่อนที่จะหมดวัน มักจะใช้กรอบเวลาที่ 15 นาทีและ 30 นาที มีข้อดีคือ วิเคราะห์ได้ง่าย การคำนวนขนาดคำสั่งง่าย นอนหลับได้โดยไร้กังวลในตอนกลางคืน

-เทรดเดอร์ระยะกลาง เทรดไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งสไตล์การเทรดแบบนี้เหมาะกับคนที่ทำงานประจำเนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากในการวิเคราะห์ตลาดและวางแผนการเทรดมักจะใช้กรอบเวลา 1 ชั่วโมง และ 4 ชั่วโมง 

-เทรดเดอร์ระยะยาว เป็นคนที่เข้าใจปัจจัยพื้นฐานของตลาดเป็นอย่างดีและสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่จะนำไปสู่กำไรในระยะยาว มักจะชอบเทรดในกรอบเวลา 1 วัน และ 1 สัปดาห์ หรือแม้กระทั่ง 1 เดือน “เทรดเดอร์ระยะยาว” มักจะเป็นนักลงทุนที่มีประสบการณ์สูง  ข้อได้เปรียบหลักๆของ

 “เทรดเดอร์ระยะยาว” คือ ต้นทุนในการทำธุรกรรมที่ต่ำกว่า : เนื่องจากโบรกเกอร์จะคิดค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมทุกๆออเดอร์ที่เราเทรดในตลาด Forex และเทรดเดอร์ประเภทนี้ จะมีจำนวนออเดอร์ในการเทรดที่น้อยกว่าเทรดเดอร์ประเภทอื่นมากๆ จึงทำให้มีต้นทุนค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมต่ำกว่านั้นเอง

ได้รับดอกเบี้ย : หากสถานะออเดอร์ของสกุลเงินที่ถืออยู่นั้นมีอัตราดอกเบี้ยเป็นบวก เขาก็จะได้รับดอกเบี้ยทุกวันตามระยะเวลาที่เขาถือสถานะอยู่

การสร้างอุปนิสัย : เทรดเดอร์ประเภทนี้จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีบริหารจัดการกับ ความโลภ และความกลัว เมื่อมีกำไรมากขึ้นหรือขาดทุนจากการสวนทางกับตลาด และยังได้ปลูกฝังเรื่องของความอดทนไปด้วยในตัว และการเทรดเดอร์ตามระบบ มักเป็นผู้ที่เริ่มต้นในตลาด Forex เป็นส่วนใหญ่ เน้นการใช้โรบอทในการเทรดนั่นเอง

ไม่จำเป็นที่จะต้องเฝ้ามองตลาด : เพราะใช้โรบอทเป็นตัวขับเคลื่อนในการเทรดแทนตัวเขาเอง ทำให้มีเวลาว่าง 

การซื้อขายที่มีความยืดหยุ่น : พวกเขาสามารถสร้างระบบให้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของสกุลเงินได้หลายคู่ และสามารถเลือกกรอบเวลาที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะสมกับกลยุทธ์นั้นๆได้แต่ๆมี”พฤติกรรม หรือ อารมณ์” ที่คุณควรจะตัดมันออกให้ได้มีดังนี้ หากอยากsuccessในตลาดForex นั่นคือGreed (ความโลภ) Overtrading (ใช้ความเสี่ยงสูง) Too Emotional (มีอารมณ์มากเกินไป) No Goal (ไม่มีเป้าหมาย)  Not following the system (ไม่ทำตามระบบ)  Don’t want to miss anything (ไม่อยากพลาดอะไรไป)  Over confident (มั่นใจมากเกินไป) Ego (ความเป็นตัวเรา) : ความมีอีโก้ในตัวเองสูง Lack of confident (ขาดความมั่นใจ) Fear (ความกลัว) No analysis of mistake (ไม่มีการวิเคราะห์ข้อผิดพลาด)  Lack of understanding (ความเข้าใจไม่ตรงกัน) ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเรื่องของวินัยที่เป็นผลจาก ตัวเราเอง ล้วนๆ 

เมื่อเรารู้เป้าหมาย รู้ความเสี่ยงที่เรารับได้ รู้นิสัยของตนเองแล้ว ต่อไปคือ รู้เขา โดยการหาความรู้ ควรเริ่มจากรู้ว่าตลาดฟอเร็กซ์คืออะไร Forex คือ ธุรกรรมการแลกเปลี่ยนสกุลเงินหนึ่งกับอีกสกุลเงินหนึ่ง หรือ พูดง่ายๆว่า มันคือ “ตลาดแลกเปลี่ยน”ที่แลกเปลี่ยนสกุลเงิน  อาจจะเริ่มเล่น Forex กับบัญชีเงินจำลองเรียนรู้เครื่องมือในโปรแกรมเทรด

โดยการเริ่มต้นเล่น Forex นั้น จำเป็นต้องเรียนรู้พื้นฐานการซื้อขายและต้องฝึกฝนตัวเองอย่างเสมอ เพราะแม้แต่เทรดเดอร์มืออาชีพเองก็นิยมเข้าไปฝึกฝนในระบบบัญชีเงินจำลอง หรือที่เรียกว่า “Demo Account” อยู่อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นระบบที่จำลองเงินขึ้นมาเพื่อใช้เทรด

ข้อดี คือ

-สามารถเทรดได้เหมือนตลาดจริงทุกประการ

-สามารถใช้เครื่องมือเทรดและสัมผัสถึงสภาพแวดล้อมแบบบัญชีจริงทุกประการ

-คำนวณกำไรขาดทุนเหมือนเงินจริงทุกประการ และคำนวณตามราคาตลาดจริงๆ

ข้อเสีย คือ

-เราจะไม่ได้เรียนรู้ความเจ็บปวดจากความผิดพลาดของเราจริงๆ เพราะรู้ว่ายังไงมันก็คือเงินปลอม จะเทรดอย่างไรก็ได้

ควรศึกษาหาความรู้จากหนังสือที่น่าเชื่อถือ โดยดูจากชื่อเสียงของผู้แต่ง

3.ควรรู้วิธีสิ่งที่จะทำให้อยู่รอดในตลาด Forex หลังจากที่คุณได้รู้แล้วว่าเป้าหมายแรกที่คุณควรโฟกัสคือ “การอยู่รอดในตลาดให้ได้” บางคนอาจมีคำถามขึ้นมาในหัวว่า “แล้วอะไรล่ะ ที่จะทำให้อยู่รอดในตลาดได้?” สิ่งที่จะทำให้คุณอยู่รอดในตลาดได้นั้นก็คือ “Money Management” เป็นสิ่งสำคัญที่คุณจำเป็นต้องใช้มันทุกครั้งที่คุณเปิดสถานะออเดอร์ มันทำให้คุณรู้ว่าหากการตัดสินใจของคุณในครั้งนั้นผิดคุณจะสูญเสียเงินไปเท่าไหร่? เงินจำนวนนั้นเป็นไปตามแผนที่คุณรับได้หรือไม่? และหากคุณตัดสินใจถูกกำไรที่คุณจะได้รับในครั้งนั้นมันคุ้มค่ากับความเสี่ยงหรือไม่?

หากคำตอบคือ “ใช่” ก็ลุยได้เลย แต่หากคำตอบคือ “ไม่” ก็อย่าพึ่งลงมือทำอะไรทั้งสิ้น

-ควรจะรู้ว่าต้องเปิดสถานะออเดอร์เท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมกับเงินทุน 

-ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ Forex ควรตระหนักว่า “หากจะลงทุนในอะไรก็ควรศึกษาข้อมูลในสิ่งนั้นให้ดีเสียก่อน” ไม่ควรรีบร้อน หรือใจร้อน 

-เวลามีคนถามคุณว่า “คุณรับความเสี่ยงได้แค่ไหน” หรือ “คุณชอบเสี่ยงแค่ไหน” จริงๆแล้วเขากำลังถามคุณว่า “คุณอยากจะเสียเงินแค่ไหน” คุณจำเป็นที่จะต้องยอมรับมันให้ได้ว่าความเสี่ยงมันเป็นเรื่องที่มาคู่กับการลงทุนเสมอ

-คนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนไม่ใช่เป็นคนที่เก่งในการทำกำไร แต่เขาเป็นคนที่บริหารจัดการความเสี่ยงได้ดีต่างหาก ดังนั้นในโลกของการลงทุน “ความเสี่ยง” ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว แต่เรื่องที่น่ากลัวกว่า นั่นก็คือ คุณไม่รู้ว่าจะจัดการกับความเสี่ยงเหล่านั้นอย่างไร คำแนะนำสำหรับมือใหม่ แนะนำให้คุณใช้ความเสี่ยงต่อครั้งในการเปิดสถานะไม่ควรเกิน 1% ของเงินทุนที่คุณมี ในช่วงเริ่มต้นอาจใช้ความเสี่ยงที่ 0.5% ก่อนก็ได้ เมื่อคุณเริ่มมีความมั่นใจในระบบที่คุณใช้มากขึ้น ก็ค่อยปรับความเสี่ยงขึ้นมาที่ 1% ก็ได้

-ควรปูพื้นฐานวิธีคิดที่ถูกต้อง โดย ค่อยๆไปช้าๆทีละสเต็ปสำหรับมือใหม่ ถือว่าเป็นหนึ่งในกระบวนการฝึกให้คุณ “ใจเย็น” และ “รู้จักรอคอยให้เป็น” ซึ่งสิ่งนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่จะทำให้คุณสามารถทำตามระบบและแผนที่คุณวางไว้ได้อย่างมีวินัย

step 2

สำหรับคนที่เริ่มต้นใน Forex ใหม่ๆ อาจจะไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไร? และต้องเรียนรู้การเทรดจากไหนและยังไงดี ? วันนี้เรามีเว็บไซต์สอนเทรดฟรีๆไม่ต้องเสียเงินมาแนะนำค่ะ 

1. เว็บไซต์ Forex.co.th

เริ่มสอนตั้งแต่การเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ รีวิวโบรกเกอร์แต่ละโบรกให้ รวมถึงมีบทความเกี่ยวกับพื้นฐาน Forex ให้มือใหม่ให้ได้อ่าน และนอกจากนั้นยังมีวิดีโอเป็นสื่อการสอนเพื่อทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจง่ายขึ้น

2. เว็บไซต์ VIPForexcourse.com

ใช้งานได้สะดวก เข้าใจง่าย เพราะมีการแบ่งหมวดหมู่อย่างชัดเจน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราวๆ 4 หมวดได้แก่ หมวดพื้นฐาน Forex จะเป็นการกล่าวถึงองค์ประกอบต่างๆของForex และรวบไปถึงเทคนิคที่มือใหม่ควรรู้  หมวดโบรกเกอร์ Forexในหมวดนี้จะรวบรวมข้อมูลจากการใช้งานโบรกเกอร์มากกว่า 17 โบรกเกอร์ รีวิวไว้ให้ได้ตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ แต่ละโบรกเกอร์ได้ง่ายขึ้น หมวดเทคนิค Forex จะเป็นการสอนความรู้การเทรดForex ให้กับ เทรดเดอร์ที่เริ่มมีความรู้ในระดับปานกลางเพื่อก้าวเข้าสู่การเทรดแบบมืออาชีพ หมวดของอินดิเคเตอร์ เป็นการแนะนำการใช้งานอินดิเคเตอร์ต่างๆ ซึ่งภายในอนาคตจะมีการอัพเดตอินดิเคเตอร์อีกหลายตัว

 3. เว็บไซต์ Forexsi.com

มีการสอนในเรื่องของเทคนิคต่างๆ ผ่านบทความ เช่น 5 สิ่งที่ควรรู้ในการเทรด เรื่องที่คุณควรรู้ก่อน เทรด Forex มีอะไรบ้าง และแนะนำว่ามีโบรกเกอร์ที่ดีที่สุดอีกด้วย เพื่อช่วยให้คุณเทรดได้กำไร และอยู่รอดได้ปราศจากการขาดทุนหรือล้างพอร์ตนั่นเอง

 4. เว็บไซต์ Forexfivestar.com 

ทางเว็บนี้ได้ให้ความรู้พื้นฐานในการเทรดForex ที่ควรมี ไม่ว่าจะเป็นคำศัพท์ต่างๆของForexที่ควรรู้ 

เทคนิคต่างๆในการเทรดForex เพื่อเก็งกำไร รีวิวโบรกกอร์ Forex จากประสบการณ์โดยตรงของผู้เขียน

 5. เว็บไซต์ Cutforex.com

เน้นการสอนเทรด Forex ออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งมุ่งเน้นที่จะเผยแพร่โดยไม่แสวงหาประโยชน์ มีคลิปวีดีโอการสอน Forex ให้อย่างเข้าใจง่ายในเรื่องของการทำกำไรจากเทคนิคที่ถูกคิดคั้นโดยผู้เขียนที่มากประสบการณ์ รวมถึงรวบรวมเนื้อหาบทความในเรื่องต่างๆ และมีการแบ่งปันผลงานการเทรดของผู้เขียนให้แก่ตัวผู้อื่นได้เห็นยอดกันว่า เทคนิคที่สอนไป สามารถทำเงินได้จริงๆนั่นเอง

สิ่งแรกที่สำคัญมากกว่าจำนวนเงินที่ใช้ในการเทรด คือ พื้นฐานความรู้ที่คุณต้องรู้ เมื่อเรียนรู้พื้นฐานที่สำคัญจากเว็บไซต์เหล่านี้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งพื้นฐานที่สำคัญในการเทรดForexต่างๆ เช่น คำศัพท์ที่ต้องรู้ก่อนเริ่มเทรด วิธีการใช้โปรแกรมเทรดอย่างMT4 หากอยากจะเทรด Forex ให้เป็นก็ต้องทำความเข้าใจกับโปรแกรมเทรดสักก่อน ก่อนเริ่มลงทุนควรลงทุน ควรลองฝึกเทรดผ่านบัญชี DEMO หรือบัญชีที่ใช้ทดลองการเทรด  เป็นสิ่งที่คุณควรฝึกฝนให้ชำนาญก่อนฝึกจริง บัญชี DEMO คือ บัญชีที่มเงินปลอมเอาไว้ให้คุณได้เทรดอย่างเต็มที่ เมื่อคุณเทรดแล้วขาดทุน มันก็จะไม่หักเงินจากบัญชีของคุณ และถึงคุณจะได้กำไรคุณก็จะไม่ได้กำไรพวกนี้เข้ากระเป๋า ข้อดี คือดังที่กล่าวไป แต่ข้อเสียก็มีเช่นกัน นั่นคือ การเทรดที่ไม่สมจริง ทำให้คุณคิดว่าขาดทุนบ่อย เสียเงินเปล่าๆ ก็ไม่เป็นปัญหา ทำให้คุณอาจไม่คิดแก้ไขจุดที่ผิดพลาดที่ทำให้คุณขาดทุนได้ถูก และขณะฝึกเทรด ควรจะอัดหน้าจอตอนตนเองเทรด เพื่อดูว่าสภาวะตลาดขณะนั้น เราวิเคราะห์อะไรอยู่ สีหน้าท่าทาง ทำไมถึงเลือกทำกำไรจังหวะนั้น 

เพราะฉะนั้นหลังจากลองฝึกในบัญชี DEMO แล้วควรลองลงทุนในตลาดForexจริงๆในจำนวนเงินน้อยๆ เพื่อฝึกลงทุนให้ชำนาญ ต้องเลือกโบรกเกอร์ที่ดีๆ เพื่อเปิดบัญชีเทรด เพราะโบรกเกอร์เถื่อนจะโกงเงินคุณไปได้ง่ายๆการเลือกโบรกเกอร์ที่ดี คือ ต้องตรวจเช็คข้อมูลของทางโบรกเกอร์ว่าแต่ละโบรกเกอร์มีจุดเด่นจุดด้อยอย่างไร แล้วเปรียบเทียบระหว่างโบรกเกอร์อื่นๆว่าโบรกเกอร์แบบไหนเหมาะกับเราที่สุด มีประวัติการโกงไหม  และเตรียมลงทุนให้พอในการเทรด การมีเงินทุนจำนวนมาก ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงในการเทรดที่ง่ายและปลอดภัย หากคุณมีเงินในบัญชีน้อย คุณยิ่งเสี่ยงขาดทุนหรือล้างพอร์ตได้ง่ายๆ อีกทั้งยังทำให้คุณเครียดน้อยลง รับแรงกดดันน้อยลง

แต่ถึงแม้คุณจะมีเงินทุนมากแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะได้กำไรเสมอไป หรือเทรดแบบล็อตหนักๆ แต่คุณควรจะเทรดแบบล็อตเล็กๆไปถึงล็อตกลางๆเพื่อเป็นการเซฟพอร์ตของตัวเองไม่ให้ขาดทุนนั่นเอง เมื่อลงทุนแล้วขาดทุน ก็มาวิเคราะห์ว่าทำไมเราถึงขาดทุน ขาดความรู้ตรงไหนให้ไปเรียนเพิ่ม และเมื่อได้กำไร ก็มาวิเคราะห์ว่า ทำอย่างไรถึงได้กำไร เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ให้เวลากับมันมากหน่อยในช่วงแรก ซึ่งอาจจะท้อ เหนื่อยแต่เราควรให้กำลังใจตนเองค่ะ

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ GUรู็ การเงิน 
เวปไซด์ mee-money.com

5 พื้นฐานการจับจังหวะเทรดหุ้น

Forex

การเทรด Forex นั้นต้องใช้ความรู้เรื่องการวิเคราะห์กราฟ รวมถึงการใช้เครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์กราฟอย่าง Trading view แต่วันนี้เราจะมาสอนวิธีดูกราฟแบบเข้าใจง่าย เพราะเป็นพื้นฐานที่สำคัญมากในการเทรด 

Piercing Pattern VS Dark Cloud Cover ขาขึ้น Piercing Pattern

เป็นรูปแบบแท่งเทียนสีเขียวของหุ้นหรือค่าเงินที่อยู่ในเทรนด์ขาลง โดยตัวแท่งเทียนมีลักษณะที่ค่อนข้างยาวและมีราคาปิดที่สูงเกินกว่าครึ่งของแท่งเทียนสีแดงก่อนหน้าซึ่งตัวแท่งเทียนก่อนหน้าที่เป็นสีแดงนั้นก็มีความยาวอยู่ใน

ระดับหนึ่งแล้วมีราคาปิดเกือบถึงราคาต่ำสุดของแท่งเทียนที่อยู่ในเทรนด์ขาลงก่อนหน้านั้นเช่นกันรูปแแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะแบบนี้บ่งบอกถึงสัญญาณการกลับตัวของหุ้นหรือค่าเงินที่มีความรุนแรงคืออาจมีกลับตัวจากขาลงเป็นขึ้นได้ขาลงเป็นรูปแบบแห่งเทียนสีแดงของหุ้นหรือคู่เงินที่อยู่ในเทรนด์ขาขึ้น หรือเรียกว่าอาจมีการกลับตัวเปลี่ยนทิศทางจากขาขึ้นเป็นขาลงได้

Bullish Engulfing VS Bearish engulfing ขาขึ้น Bullish Enguling   

เป็นรูปแบบที่มีแท่งเทียนแท่งที่สองมีขนาดของแท่งเทียนนั้นยาวกว่าแท่งตัวแรกที่เป็นแท่งสีแดง ซึ่งคำว่า enguling หมายถึงกลืนกิน หรือห้อมล้อมครอบงำ ในการวิเคราะห์นั้นจะไม่เกี่ยวกับไส้เทียน (Shadow) ลักษณะของEngulfing ที่ดีสุดคือแท่งตัวแรกที่เป็นสีแดงควรจะเล็กสั้นๆส่วนแท่งที่สองสีเขียว ควรจะยาวๆ และเพื่อความมั่นใจอาจจะรอยืนยันแท่งที่สอง-สาม ที่เป็นสีเขียว ในวันถัดไป

Bullish Harami VS Bearish Haramiขาขึ้น Bullish Harami 

รูปแบบแท่งเทียนจะเหมือนคนท้องซึ่งมาจากคำว่า”Harami”เป็นภาษาญี่ปุ่นที่ใช้เรียกคนท้อง คือสัดส่วนของแท่งเทียนทั้งสองระหว่างแท่งเทียนสีเขียวแดงต่างกันมากจึงยังไม่สามารถยืนยันการกลับทิศทางของหุ้นได้ฉนั้นจึงต้องรอการยืนยันจากแท่งเทียนที่สามคือแท่งเทียนตัวที่สามจะต้องเป็นสีเขียวและมีราคาเปิดแบบกระโดดจากแท่งเดิม(สีเขียว)มาอยู่ในราคาปิดของแท่งสีเขียวตัวที่สามในราคาที่สูงขึ้นไปมากๆขาลงBearishHaraniรูปแบบแห่งเทียนก็เหมือนคนท้องเช่นเดียวกับHaraniขาขึ้นจะประกอบด้วยแท่งเทียนในวันแรก(สีเขียว)ที่ยาวกว่าแท่งเที่ยนในวันที่สอง(สีแดง)

Bullish Doji star VS Bearish Doji starขาขึ้น Bullish Doji star 

คือรูปแบบแท่งเทียนที่เกิดเป็นDojiLineขึ้น(ราคาเปิดกับปิดเท่ากัน)มีการห่างจากแท่งเทียนสีแตงก่อนหน้าจนเป็นช่องว่างโดยไส้เทียนของDojiจะห่างหรือไม่ห่างจากแท่งเทียนสีแดงก็ได้ความหมายคือบอกแนวโน้มหุ้นหรือคำเงินที่ลงมาอาจจะเปลี่ยนเป็นขึ้น และจะมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นถ้ามีแท่งเทียนสีเขียวเกิดขึ้นตามมา Bearish Doji star คือรูปแบบแห่งเทียนที่เกิดเป็น ราคาเปิดปิดเท่ากัน

 Bullish Dragonfly Doji VS Bearish Dragonfly Doji ขาขึ้น Bullish Dragonfly Doji 

เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่ไม่มี body คล้ายๆกับhammer โดยเกิดขึ้นจากจุดที่ต่ำสุดหรืออยู่ในช่วงระหว่างชาลง (Downtrend) และยิ่งถ้าแท่งต่อไปเป็นสีเขียว และยิ่งเปิดด้วยราคาที่เกิดgapหรือราคาปิดที่ระดับสูงกว่าdragonflydojiมากๆก็จะเป็นการยืนยันการกลับตัวเป็นชาขึ้นได้เป็นอย่างดีขาลง BearishDragonfyDoji ลักษณะเป็นรูปแบบของแท่งเทียนหนึ่งแท่งเกิดขึ้นที่จุดสูงสุดหรือในช่วงขาขึ้น (Uptrend) ซึ่งรูปแบบ dragon fly ก็คล้าย hanging man เช่นกัน ต่างกันตรงที่ dragon fly ไม่มีแท่ง (body) แต่ hangingman จะมีแท่งเล็กอยู่ด้วย (Small body) ปัจจัยที่สำคัญ รูปแบบ bearish dragontydojiจะมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ถ้ามีแท่งเทียนสีแดงเกิดขึ้นตามมาและยิ่งถ้าราคาที่เปิดเกิดgapหรือราคาปิดที่ระดับต่ำกว่าdragonflydojiมากๆก็เท่ากับว่านั้นคือการยืนยันการกลับตัวเป็นซาลงอย่างชัดเจน

Hammer VS Hanging Manขาขึ้น Hammer 

รูปร่างเหมือนHangingManแต่ต่างกันที่Hammerเกิดขึ้นตอนขาลงส่วนไส้เทียนด้านบนหากไม่มีจะดีกว่าแท่งเทียนที่เหมือนรูปค้อนนี่มักจะเกิดขึ้นตอนที่มีปริมาณการขายเกิดขึ้นและทำให้ราคาลงต่ำซึ่งบอกว่าแนวโน้มหุ้นหรือค่าเงินที่ลงมาจะเปลี่ยนเป็นขึ้น ขาลง 

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ GUรู็ การเงิน 
เวปไซด์ mee-money.com