มองธุรกิจรอบด้านด้วยกลยุทธ์ 9 ช่อง

กลยุทธ์ 9 ช่อง

กลยุทธ์ 9 ช่องหรือ Business Model Canvas

กลยุทธ์ 9 ช่องหรือ Business Model Canvas เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำธุรกิจมือใหม่ ที่อยากร่างแผนธุรกิจอย่างง่าย เปรียบเสมือนการวางแผนเดินทางไปหาขุมทรัพย์ เราเสียเวลาวางแผนตอนนี้ มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะทำให้เรารู้ว่าเราต้องทำอะไรต่อไปในเสต็ปต่อไป และเราควรกลับมาถามตัวเองซ้ำๆว่าธุรกิจที่เราลงมือทำไปนั้นมันเป็นไปตามแผนเรารึเปล่า กลับมาทบทวนแผนธุรกิจของเราบ้าง เมื่อทำธุรกิจไปได้ซักพัก และหากธุรกิจของเรา ไปไม่ค่อยรอด เราก็สามารถนำกลยุทธิ์โมเดลธุรกิจ 9 ช่องนี้มาปรับแผนใหม่อีกครั้ง แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไม่ได้คือ วิสัยทัศน์ขององค์กรค่ะ เป็นไงบ้างคะมองเห็นถึงประโยชน์ของโมเดลธุรกิจกันแล้วใช่ไหมคะ

ซึ่ง Business Model Canvas ประกอบไปด้วย

ช่องที่ 1 ลูกค้าของเราคือใคร หรือ CS: เราต้องมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ลึกว่าเป็นเพศอะไร อายุเท่าไหร่ ทำงานอะไร ทัศนคติ ไลฟ์สไตล์แบบไหน  เช่น  กลุ่มฺBaby Boomer ที่เป็นวัยเก๋า มากประสบการณ์ กลายเป็นตลาดที่ใหญ่ของโลกที่นักธุรกิจต่างจับตามอง ซึ่งกลุ่มนี้สนใจเทคโนโลยีและชอบช้อปปิ้งออนไลน์  เลือกซื้อสินค้าสำหรับผู้สูงอายุ แต่กลับไม่ค่อยธุรกิจที่ตอบโจทย์วัยนี้มากนัก ยิ่งกลุ่มเป้าหมายของเราชัดเจนมากเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะทำให้เราใช้เวลากับการเข้าใจลูกค้าได้เร็วมากขึ้น เราอาจสังเกตพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายเรา ที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา และเสนอสินค้าที่ให้คุณค่าที่คู่ควร ตอบสนองความต้องการ ช่วยแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้ตรงจุด เพราะบางครั้งลูกค้าอาจไม่รู้ว่าเราต้องการอะไร 

ช่องที่ 2 คุณค่าของสินค้าหรือบริการของธุรกิจเราคืออะไร หรือ VP: ธุรกิจของเราให้คุณค่าอะไรแก่ผู้บริโภคบ้าง ช่วยแก้ปัญหา และสร้างความสุขที่แตกต่างจากคู่แข่ง และตอบโจทย์ผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเราไหม

ช่องที่ 3 ขายสินค้าผ่านช่องทางไหน หรือ CH: สมัยนี้การโปรมทสินค้าเป็นเรื่องง่าย แต่ก็แลกมากับการแข่งขันที่สูงขึ้น เพราะไม่ได้เหมือนสมัยก่อนที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก หรือแปลว่าธุรกิจใหญ่ที่มีเงินทุนในการลงโฆษณามากย่อมได้เปรียบ แต่สมัยนี้กลายเป็นปลาเร็ว กินปลาตัวใหญ่ที่เชื่องช้าไปแล้ว ธุรกิจขนาดเล็กมีโอกาสพอๆกับธุรกิจใหญ่ เผลอๆอาจได้เปรียบกว่าด้วยซ้ำ เพราะธุรกิจเติบโตได้เร็วกว่า อย่างเช่นสตาร์ทอัพ  แต่เราต้องวิเคราะห์ให้ออกว่าช่องทางการโปรโมทสินค้าแบบไหนที่เหมาะกับธุรกิจของเรา อย่างเช่น การใช้อินฟลูเอนเซอร์ แต่จะดีกว่าถ้าเราผลิตสินค้าที่ช่วยแก้ปัญหาได้ตรงใจลูกค้า เพราะเราไม่จำเป็นต้องเสียค่าโฆษณาเลย เพราะพลังการบอกต่อ การรีวิวสินค้าจากผู้ใช้จริง เป็นสิ่งที่ได้ผลมากที่สุด ยกตัวอย่างแบรนด์สินค้าของแอปเปิ้ล ที่เป็นขวัญใจของคนทั่วโลก ไม่ว่าสินค้าตัวไหนผลิตออกมา ก็มีคนอยากจับจอง การสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจก็เป็นอีกหัวใจหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน  และช่องทางการขนส่งสินค้าที่สะดวกรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ช่องที่ 4 สร้างสัมพันธภาพกับลูกค้า หรือ CR: ธุรกิจของเราต้องรักษาสัมพันธภาพกับลูกค้าไม่ใช่เพียงแต่สร้างสินค้าที่ถูกใจลูกค้า แต่ต้องใส่ใจลูกค้าด้วย เช่น การจัดโปรโมชั่นให้ลูกค้าใหม่ มีของขวัญให้ลูกค้าที่ซื้อสินค้าซ้ำเป็น gift voucher ส่งอีเมลสุขสันต์วันเกิด จนลูกค้าคิดว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ และเกิดการใช้ต่อเนื่อง และบอกต่อลูกค้าคนอื่น 

ช่องที่ 5 มีรายได้มาจากไหน หรือ RS: ธุรกิจเราจะสร้างรายได้จากวิธีการใดได้บ้าง เช่น youtube มีรายได้จากค่าโฆษณา

 ช่องที่ 6 ทรัพยากรของบริษัทมีอะไรบ้าง หรือ KR: ผู้บริหารต้องมีทักษะในการบริหารทรัพยากรของบริษัท ได้แก่ เงินลงทุน เทคโนโลยี รวมถึงทรัพยากรบุคคลที่ต้องใช้อย่างคุ้มค่าและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด 

ช่องที่ 7 กิจกรรมเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้าคืออะไร หรือ KA: กิจกรรมที่ต้องดำเนินการ หากอยากประสบความสำเร็จตามแผนที่วางไว้

ช่องที่ 8 หุ้นส่วนทางธุรกิจคือใคร หรือ KP: หุ้นส่วนที่มีส่วนช่วยให้ธุรกิจเราเติบโต

ช่องที่ 9 ค่าใช้จ่ายของธุรกิจ หรือ CS: เราควรรู้ทั้งรายจ่ายคงที่และไม่คงที่ รายจ่ายให้ทรัพยากรของธุรกิจ รายจ่ายทางด้านการตลาด เพื่อจัดการให้เรามีศักยภาพในการใช้หนี้ทางธุรกิจได้ทุกไตรมาส

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ มาร์เก็ตติ่ง
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook