Grayscale ชนะ SEC อนาคต Spot Bitcoin ETF เริ่มสดใส

Grayscale ชนะ SEC อนาคต Spot Bitcoin ETF เริ่มสดใส

Grayscale บริษัทกองทุนในประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการฟ้องร้องคดีกับ ก.ล.ต.ของประเทศสหรัฐ ว่าด้วยเรื่องการทำ Spot Bitcoin ETF และคำตัดสินของผู้พิพากษาในศาลวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมาก็ตัดสินให้ Grayscale เป็นฝ่ายชนะคดี และมีคำสั่งให้ก.ล.ต.สหรัฐอเมริกากลับไปทบทวนใบคำร้อง Spot Bitcoin ETF ของ Grayscale ที่ทาง ก.ล.ต.ปฏิเสธไปเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือยัง เนื่องด้วยศาลมองเห็นว่าโดยที่ก.ล.ต ทำงานตามอำเภอใจ และมีการตัดสินที่ไม่เป็นธรรม เนื่องจากศาลมองว่าก.ล.ตสหรัฐไม่มีเหตุผลเพียงพอว่าทำไมถึงให้ Future Bitcoin ETF ผ่าน แต่กลับไม่ให้ Spot Bitcoin ETF ผ่านจากการยื่นของบริษัทเดียวกัน ซึ่งการตัดสินในครั้งนี้จะมีผลไม่มากก็น้อยกับการพิจารณารับ Spot Bitcoin ETF ที่ยื่นมาภายหลังไม่ว่าจะเป็นกองทุน Blackrock, Fidelity และกองทุนอื่น ๆ

Bloomberg วิเคราะห์โอกาสผ่าน Spot Bitcoin ETF

ภาพ Pexels/Alesia Kozik

Eric Balchunas จากสำนักข่าว Bloomberg ได้มีการวิเคราะห์ไว้ว่าชัยชนะของ Grayscale ในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทกองทุนที่ยื่นใบสมัคร Spot Bitcoin ETF มาภายหลังไม่ว่าจะเป็น Blackrock, Fidelity และกองทุนอื่น ๆ มีโอกาสที่จะถูกอนุมัติผ่านมากถึง 75% แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ยังไม่ได้มีการระบุระเวลาที่แน่นอน ซึ่งกำหนดการการพิจารณาใบคำร้องของกองทุนต่าง ๆ จะมีเส้นตายของการพิจารณาอยู่ในช่วงเดือนกันยายนจนถึงเดือนมีนาคมปีหน้า

นอกจากนี้สำนักข่าว CNBC ก็มองว่าโอกาสอนุมัติให้ Spot Bitcoin ETF ก็สดใสเช่นเดียวกัน โดยคาดการณ์ว่ากองทุนที่ได้มีการยื่นใบคำร้องมาจะได้รับอนุมัติในช่วงฤดูใบไม้ร่วงซึ่งตรงกับเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนที่จะถึงนี้

แต่ถึงแม้ว่าสำนักข่าวต่าง ๆ จะมีมุมมองไปในทิศทางบวก แต่ในคืนวันที่ 31 สิงหาคมต่อเช้าวันที่ 1 กันยายนตามเวลาในประเทศไทย ก.ล.ตสหรัฐอเมริกาก็ได้มีการประกาศออกมาว่าได้มีการเลื่อนการพิจารณาคำร้อง Spot Bitcoin ETF ในเดือนกันยายนนี้ออกไป ซึ่งการพิจารณาครั้งต่อไปจะอยู่ในช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้

ราคาของ Bitcoin ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของก.ล.ต

ภาพ Pexels/Daniel Dan

ในการวิเคราะห์ราคาของ Bitcoin ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต คงต้องใช้ข่าว Spot Bitcoin ETF เป็นหลักในช่วงนี้ จากการเลื่อนการพิจารณาในเดือนกันยายนออกไปทำให้ราคาของ Bitcoin ปรับตัวลงมาที่ 26,000 เหรียญ ซึ่งจะมีการพิจารณาใหม่อีกครั้งในเดือนตุลาคม ซึ่งอาจจะทำให้ราคาของ Bitcoin มีการขยับตัวอีกครั้งหนึ่ง และไม่แน่อาจจะมีการลากยาวต่อไปจนถึงปีหน้าเลยทีเดียว เพราะในช่วงพิจารณาคำร้องก.ล.ตก็ต้องต่อสู้กับ Grayscale ในศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาด้วย ซึ่งในปีหน้าก็จะมี Bitcoin halving โดยจะตรงกับวันที่ 5 เมษายนปี 2024 ถ้าหากว่ามีการประกาศรองรับในช่วงต้นปีหน้าบวกกับเหตุการณ์ Bitcoin halving ก็อาจจะทำให้ตลาดคริปโตเคอเรนซี่กลับมาอยู่ใน Bull run อีกครั้ง

ข้อมูลจาก Watcher.Guru , Cointelegraph , Coindesk

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ เศรษฐกิจโลก 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

FBI ตรวจจับ 6 กระเป๋าเงิน BTC จากแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ

FBI ตรวจจับ 6 กระเป๋าเงิน BTC จากแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ

หน่วยงาน FBI ของประเทศสหรัฐอเมริกาได้ตรวจจับกระเป๋าเงินดิจิตอลของ Bitcoin จำนวน 6 ใบด้วยกันได้แก่

  • 3LU8wRu4ZnXP4UM8Yo6kkTiGHM9BubgyiG
  • 39idqitN9tYNmq3wYanwg3MitFB5TZCjWu
  • 3AAUBbKJorvNhEUFhKnep9YTwmZECxE4Nk
  • 3PjNaSeP8GzLjGeu51JR19Q2Lu8W2Te9oc
  • 3NbdrezMzAVVfXv5MTQJn4hWqKhYCTCJoB
  • 34VXKa5upLWVYMXmgid6bFM4BaQXHxSUoL

ภาพ Pixabay/Tumisu

โดยทางหน่วยงาน FBI อ้างว่ากระเป๋าตังค์เหล่านี้เป็นของแฮกเกอร์ประเทศเกาหลีเหนือที่มีชื่อว่า Lazarus Group โดยกลุ่มนี้ขโมยเงินคริปโตเคอเรนซี่มาจากหลายที่เมื่อปีที่แล้ว รวมเป็น 1,580 BTC มูลค่ากว่า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ FBI สามารถตรวจจับกระเป๋าเงินทั้งหมดนี้ได้ ทางหน่วยงานก็ได้เตือนเรื่องนี้ให้ทางบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับคริปโตได้รับทราบ และยังคาดว่ากลุ่มแฮกเกอร์เหล่านี้อาจจะมีการเทขาย ฺ Bitcoin อีกด้วย

และเพื่อความปลอดภัยของเหล่าลูกค้า FBI ได้มีการร่วมมือกับบริษัทคริปโตหลายแหล่งไม่ว่าจะเป็น Huobi และ Binance ในการยับยั้งบัญชีการโอนที่เชื่อมต่อกับประเทศเกาหลีเหนือเกาหลีเหนือซึ่งทั้ง 2 บริษัทสามารถยับยั้งการโอนได้เป็นจำนวนเงินกว่า 1.4 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐด้วยกัน แต่ถึงแม้จะมีการกำกับดูแลและความปลอดภัยมากขึ้น ปัจจุบันนี้การสร้างเหรียญเพื่อมาหลอกลวง หรือการแฮกเงินจากระบบก็ยังคงมีให้เห็นอยู่โดยทั่วไปในโลกของสกุลเงินดิจิตอล ยิ่งทำระบบไม่ดีแล้วแฮกเกอร์ก็ยิ่งมีความสามารถที่จะเจาะระบบเพื่อขโมยเงินได้ง่ายมากขึ้น การลงทุนในคริปโตเคอเรนซี่จึงมีความจำเป็นที่จะต้องศึกษาข้อมูลของเหรียญที่จะเข้าไปลงทุนให้ดีเสียก่อน เพื่อป้องกันความเสี่ยงในทรัพย์สินที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

ภาพ Pexels/Karolina Grabowska

นอกจากการควบคุมความเสี่ยงด้วยตัวเองแล้วยังมีความจำเป็นที่จะต้องติดตามข่าวอยู่อย่างสม่ำเสมอด้วย ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคมประเทศสหรัฐได้มีการออกข่าวเกี่ยวกับการขาย Bitcoin เป็นประจำ ในสัปดาห์ก่อน The Wall Street Journal มีการรายงานว่า Space X ได้มีการเทขาย Bitcoin ออกมา ซึ่งทำให้ตลาดลงมาอย่างรุนแรง เชื่อว่าข่าวที่ออกมานั้นคงทำให้นักลงทุนเสียหายไปไม่น้อย ในสัปดาห์นี้ก็มีข่าวเกี่ยวกับแฮกเกอร์ประเทศเกาหลีเหนืออีก ถึงแม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่มีข่าวออกมาว่ากลุ่มแฮกเกอร์ดังกล่าวได้ทำการเทขาย Bitcoin ออกไป แต่ถ้ามีการเทขายเมื่อไหร่ก็คงจะส่งผลกระทบต่อตลาดไม่น้อยเลยทีเดียว

ข้อมูลจาก Cointelegraph

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ เศรษฐกิจโลก 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

อเมริกายังส่อแววขึ้นดอกเบี้ย พาตลาดคริปโตแดง

อเมริกายังส่อแววขึ้นดอกเบี้ย พาตลาดคริปโตแดง

เมื่อเวลาตี 1 ของวันที่ 17 สิงหาคมได้มีการประชุม FOMC ของธนาคารกลางประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งคณะกรรมการส่วนใหญ่ของ FED ยังคงมองว่าเงินเฟ้อของประเทศยังคงไม่ไว้วางใจทำให้มีโอกาสที่จะขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มอีกในระยะยาวเพื่อลดเงินเฟ้อ โดยประเทศสหรัฐต้องการที่จะลดเงินเฟ้อให้เหลือเพียงแค่ 2% ถึงแม้ว่าจะมีแนวโน้มในการขึ้นดอกเบี้ยในระยะยาว แต่ในการประกาศดอกเบี้ยครั้งหน้าจะยังไม่มีการขึ้นดอกเบี้ย

แต่การขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเพื่อลดเงินเฟ้อตั้งแต่ในช่วงปีที่แล้วจนถึงปีนี้ เกิดขึ้นจากการที่ในช่วงหลังจากพ้นวิกฤตโรคโควิด ประเทศสหรัฐได้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการพิมพ์เงินเข้ามาในระบบซึ่งทำให้เกิดเงินเฟ้อ โดยประเทศสหรัฐอเมริกาเริ่มเร่งกันแก้เงินเฟ้อโดยขึ้นดอกเบี้ยจาก 0.25% มาเป็น 5.50% ในช่วงปี 2022 ถึงปี 2023 ซึ่งโดยปกติแล้วการขึ้นดอกเบี้ยจะขึ้นให้เทียบเท่ากับอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศปัจจุบันประเทศสหรัฐมีเงินเฟ้อที่ต่ำกว่า 5%

ภาพ Pexels/Pixabay

ดังนั้นการขึ้นดอกเบี้ยมาเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ดูเหมือนประเทศสหรัฐอเมริกาจะยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ ซึ่งการทำเช่นนี้ก็ทำให้เศรษฐกิจของประเทศสหรัฐนั้นกำลังเข้าสู่ช่วงสภาวะถดถอย คนตกงานก็เริ่มมีมากขึ้น ซึ่งในมุมนี้ทางคณะกรรมการก็มีความกังวลอยู่บ้างแต่ก็ยังมองว่าเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่งอยู่ ในมุมของวิกฤตธนาคารอาจจะมีเกิดขึ้นอีกในปีนี้หลังจากมีการล่มสลายของแบงก์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีความกังวลในเรื่องอสังหาริมทรัพย์ มีความเป็นไปได้ว่าความต้องการบ้านและที่พักอาศัยอาจจะลดลงอย่างรุนแรง โดยมันจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทประกัน

นอกจากจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศสหรัฐหยุดนิ่งแล้วการที่มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยเพื่อแก้เงินเฟ้อ ต่อเนื่องทำให้ส่งผลต่อตลาดทุนด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นในสหรัฐหรือตลาดคริปโตก็พากันปรับตัวลงเป็นสีแดง

Bitcoin ETF ยุโรปมาแล้ว แต่ BTC ยังลง

ภาพ Pexels/Daniel Dan

Bitcoin เหรียญคริปโตเคอเรนซี่ที่ใหญ่ที่สุด ได้มีการปรับตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงที่มีประกาศรายงาน FOMC หลังจากที่ได้มีการวิ่งอยู่ในกรอบตั้งแต่ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนเป็นต้นมาโดยราคาได้หลุดต่ำกว่า 29,000 เหรียญสหรัฐเป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงเช้าวันที่ 17 สิงหาคม การปรับตัวลงในครั้งนี้ทำให้เหรียญอื่น ๆ ที่อยู่ในตลาดมีการปรับตัวตามลงมาด้วยเช่นเดียวกัน และ Bitcoin ก็ยังคงติดแนวต้านที่ 31,000 เหรียญ ต่อไป จุดสำคัญคงเป็น Spot Bitcoin ETF ที่จะทำให้ราคาของ Bitcoin ขยับขึ้น ซึ่งตอนนี้ทางยุโรปก็ได้มีกองทุน Jacobi Bitcoin ETF เป็น Spot Bitcoin ETF ตัวแรกขึ้นมาแล้ว นำทางฝั่งอเมริกาไปเป็นที่เรียบร้อย ก็ต้องดูว่าทางฝั่งอเมริกาจะตามมาเมื่อใด ในเมื่อ SEC ยังไม่มีความแน่นอน

ข้อมูลจาก efinanceThai , CNBC ,Investing.com

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ เศรษฐกิจโลก 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

1ปี เอลซัลวาดอร์ กับ Bitcoin

1ปี เอลซัลวาดอร์ กับ Bitcoin

ครบรอบ 1 ปีแล้วที่ประเทศเอลซัลวาดอร์ได้มีประกาศให้ Bitcoin กลายเป็นสกุลเงินหลักของประเทศ แต่ดูเหมือนว่าผลลัพธ์ในตอนนี้จะไม่เป็นไปตามที่หวังมากนัก โดยเมื่อปีที่แล้วประเทศเอลซัลวาดอร์ ซึ่งเป็นประเทศเล็ก ๆ ประเทศหนึ่งในแถบทวีปอเมริกากลาง ได้มีการประกาศเริ่มใช้งาน Bitcoin เป็นเงินสกุลหลักของประเทศแทนที่เงินดอลลาร์สหรัฐ โดยท่านนายกนายกนายิป บูเกเร่ก็ได้มีการประกาศซื้อ Bitcoin ครั้ง

แรกเมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2564 จำนวน 200 Bitcoin ที่ราคาประมาณ 47,000 เหรียญ หลังจากที่เข้าซื้อครั้งแรกราคา Bitcoin ก็ร่วงลงอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันนี้ราคาของ Bitcoin อยู่ที่ประมาณ 19,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทางประเทศเอลซัลวาดอร์ได้เข้าซื้อครั้งล่าสุดในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ที่ราคาประมาณ 19000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ

จากการที่ราคาของ Bitcoin อยู่ในช่วงขาลงเนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจและอีกหลาย ๆ ด้านทำให้ในตอนนี้ประเทศเอลซัลวาดอร์ขาดทุนจากการซื้อ Bitcoin ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้หลายอย่างนั้นอยู่ในทิศทางที่ไม่ดี แถมตอนนี้ประเทศเอลซัลวาดอร์ก็เสี่ยงที่จะเป็นประเทศที่ล้มละลายอีกด้วย

การทดลองเป็นเมือง Bitcoin ที่ล้มเหลว

ประเทศเอลซัลวาดอร์เป็นประเทศแรกของโลกที่ทดลองการใช้ Bitcoin เป็นสกุลเงินหลักของประเทศ และได้มีการผลักดันให้ประเทศเป็น Bitcoin City เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนให้เข้ามาภายในประเทศ นอกจากนี้ได้มีการเปิดตัวพันธบัตรให้กับนักลงทุน แถมยังใช้พลังงานภูเขาไฟในการขุดเหรียญ Bitcoin ด้วย ซึ่งในตอนแรกที่ได้มีการประกาศเรื่องเหล่านี้ออกไปก็ดึงดูดความสนใจได้มากเลยทีเดียว แต่หลังจากที่ราคาของเหรียญกลับอยู่ในช่วงขาลงเรื่องเหล่านี้ก็ดูเหมือนจะซบเซาลงไป

ในปัจจุบันนี้ Bitcoin เป็นเสมือนสินทรัพย์ที่ใช้ในการเก็งกำไรเสียมากกว่าทำให้ราคาของมันมีความผันผวนสูง ซึ่งก็มีผู้เชี่ยวชาญ บางคนมองว่าการทดลองของประเทศเอลซัลวาดอร์ในครั้งนี้มีความเสี่ยงที่สูงและอาจจะเป็นการทดลองที่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลปัจจุบันของประเทศเอลซัลวาดอร์ก็ยังบอกว่ามันเป็นการลงทุนในระยะยาว

ปัญหาอื่น ๆ ภายในประเทศเอลซัลวาดอร์

นอกจากการปรับตัวลงของ Bitcoin ทำให้ประเทศขาดทุน ผู้คนจำนวนมากก็ยังขาดความรู้ในการใช้งาน ตอนนี้ประเทศเอลซัลวาดอร์ก็มีเศรษฐกิจที่ไม่ดีมีอัตราเงินเฟ้อที่สูงและที่สำคัญยังเสี่ยงต่อการเบี้ยวหนี้ IMF ที่จะต้องจ่ายในอีก 2 ปีถัดไป สุดท้ายนี้ก็คงต้องมาติดตามดูว่าประเทศเอลซัลวาดอร์จะเอายังไงต่อกับการใช้ Bitcoin ภายในประเทศและจะเบี้ยวชำระหนี้หรือไม่

ข้อมูลจาก สยามบล็อกเชน, Reuters

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ เศรษฐกิจโลก 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Bitcoin และทองคำสินทรัพย์โลกคู่ขนาน

Bitcoin และทองคำสินทรัพย์โลกคู่ขนาน

เชื่อว่าหลายคนตั้งแต่เข้ามาลงทุนในคริปโตเคอเรนซี่โดยเฉพาะกับเหรียญ Bitcoin และน่าติดตามข่าวสารเกี่ยวกับมันคงจะเคยได้ยินมาบ้างว่า Bitcoin นั้นเปรียบเสมือนกับทองคำในยุคดิจิตอล นั้นเปรียบเสมือนกับทองคำในยุคดิจิตอลทำไม นั้นเปรียบเสมือนกับทองคำในยุคดิจิตอลทำไม Bitcoin ถึงถูกนำไปเปรียบเทียบกับทองคำ มันเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

Bitcoin และทองคำสินทรัพย์โลกคู่ขนาน

ภาพ Pixabay

ทองคำคือสิ่งที่มนุษย์ให้คุณค่าในสมัยก่อนโดยมารใช้ในการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างผู้ค้ากับผู้ขาย ทำให้มีการใช้งานอย่างแพร่หลายซึ่งคุณสมบัติของมันคือความสามารถในการเป็นเงินที่ดีสามารถนำมาใช้ในอนาคตได้และเป็นหัวใจของเศรษฐกิจที่สำคัญมันไม่เคยเสื่อมค่า และมีความหายากถึงแม้ว่าในปัจจุบันนี้จะมีการผลิตทองคำได้แล้วก็ตามแต่โลกของเราก็ยังคงมีเหมืองขุดทองคำอยู่กระจายกันทั่วทุกมุมโลกผู้คนยังคงต้องการทองคำเป็นทรัพย์สินค้ำประกันต่าง ๆ อยู่เสมอ

Bitcoin เป็นทรัพย์สินดิจิตอลที่เกิดมาตั้งแต่ในปี 2009 โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนซึ่งเป็นที่มีความปลอดภัยสูงมากเลยทีเดียวและมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมาในตอนนี้บางประเทศก็ใช้เป็นเงินที่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย บางบริษัทก็ใช้เป็นเงินสำรองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Bitcoin และทองคำสินทรัพย์โลกคู่ขนาน

ภาพ Pixabay

ทำไม Bitcoin และทองคำจึงมีความเหมือนกัน

ถึงแม้ว่าทองคำในปัจจุบันนี้จะสามารถสร้างได้แล้วก็ตามแต่คุณสมบัติของมันก็คือมันไม่เป็นสนิมและมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปทำให้มันสามารถเป็นทรัพย์สินในรูปแบบของ Hard Money ได้นั่นเอง เช่นเดียวกับ Bitcoin ที่มูลค่าของมันเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปมีจำกัดเพียงแค่ 21 ล้านเหรียญซึ่งวิธีการในการได้มาก็คือการขุดเช่นเดียวกับทองคำมีความสามารถในการตรวจสอบความบริสุทธิ์โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเช่นเดียวกับทองคำที่มีวิธีการทดสอบความบริสุทธิ์นั่นเอง

Bitcoin มีการคัดลอกคุณสมบัติของทองคำมา และนำมายกระดับให้เป็นอีกขั้นหนึ่งแล้วเรื่องของการขุด Bitcoin มีระบบในการเพิ่มความยากง่ายของการขุด เมื่อมีการขุดเหรียญน้อย Bitcoin ก็จะหาง่าย และเมื่อมีปริมาณการขุดเยอะ Bitcoin ก็จะหายาก ซึ่งแตกต่างจากทองคำที่มีอัตราการผลิตที่คงที่ ในการโอนให้การ Bitcoin สามารถโอนได้ง่ายกว่า แต่ทองคำต้องใช้เวลา

Bitcoin และทองคำสินทรัพย์โลกคู่ขนาน

ภาพ Pixabay

ด้วยเหตุผลของความเหมือนและข้อดีที่มากกว่าของBitcoin กับทองคำ ทำให้คนจำนวนไม่น้อยเลยที่หันมาลงทุนในทรัพย์สินดังกล่าวแต่อย่างไรก็ตามมันก็เป็นทรัพย์สินที่มีชื่อว่าทรัพย์สินความเสี่ยงสูงดังนั้นการลงทุนจะต้องรู้จักวิธีการบริหารความเสี่ยงที่ดี

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ เศรษฐกิจโลก 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

รับเงินเดือนเป็น Bitcoin

NBA

นักบาส NBA ขอรับเงินเดือนเป็น Bitcoin

ตั้งแต่คริปโตเคอเรนซี่ เริ่มเป็นที่รู้จักตลาดนี้ก็เริ่มกลายเป็นธุรกิจมากยิ่งขึ้น เมื่อปีที่ผ่านมาเราได้เห็นบริษัทมากมายมีการเข้าซื้อ ฺBitcoin  เพื่อเก็บเป็นทุนของบริษัทตัวอย่างเช่นบริษัท Tesla เป็นต้น มีเมืองหลาย ๆ เมืองเริ่มใช้ Bitcoin  เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ รวมถึงบางประเทศก็ใช้ Bitcoin ในการชำระหนี้ได้อย่างถูกกฎหมายตัวอย่างเช่นประเทศเอลซัลวาดอร์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เริ่มทำให้ผู้คนอีกมากมายหันมาสนใจ Bitcoin กันมากขึ้น ในแง่ของการประกอบอาชีพก็มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่ขอรับเงินเดือนเป็นคริปโตเคอเรนซี่โดยเฉพาะ Bitcoin

 มีนักบาส NBA 2 คน ที่ตัดสินใจจะรับเงินเดือนบางส่วนเป็น Bitcoin และจะมีการบริจาคเงินจำนวนหนึ่งล้านเหรียญดอลลาร์ให้กับแฟนคลับอีกด้วย โดยนักบาสทั้งสองคนก็คือ  Klay Thompson และ Andre Iguodala ซึ่งทั้งคู่เป็นผู้เล่นที่เล่นให้กับทีม Golden state Warriors ในเมืองซานฟรานซิสโก  โดยทั้งคู่ได้มีใช้งานแอปของ Jack Dorsey ในการแปลงเงินเดือนที่ตัวเองได้รับเป็น Bitcoin และใช้ในการบริจาค 

ซึ่งการรับเงินเดือนเป็น Bitcoin ที่เป็นข่าวในครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกในลีกบาสเกตบอลที่ดีที่สุดของโลกอย่าง NBA ก่อนหน้านี้มี Mark Cuban เจ้าของทีม Dallas Maverick ทีมดังของศึกบาสเกตบอล NBA  ก็ได้มีการยอมรับการใช้จ่ายโดยใช้ทรัพย์สินดิจิตอลตั้งแต่ช่วงปี 2019 แล้ว

 Mark Cuban นอกจากจะเป็นเจ้าของทีมบาสเกตบอล NBA แล้วเขายังเป็นนักธุรกิจชื่อดังในประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย เขามักเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องคริปโตเคอเรนซี่อย่างสม่ำเสมอเลยทีเดียวโดยท่าทีของเขานั้นเป็นการสนับสนุนคริปโตเคอเรนซี่เลยด้วย 

นอกจาก  Klay Thompson และ Andre Iguodala ที่เป็นนักบาสเกตบอล NBA นักกีฬาอเมริกันฟุตบอล NFL ที่มีชื่อว่า Russel Okung ก็ได้มีการขอร้องให้ทางทีมจ่ายเงินเดือนเป็น Bitcoin ด้วยเช่นเดียวกัน

ถ้ามองไปข้างนอกประเทศสหรัฐอเมริกา มองไปที่ประเทศอังกฤษที่มีลีกฟุตบอลลีกดังที่สุดในโลกอย่างที่มีอังกฤษ ทีม Watford FC ก็เป็นทีมหนึ่งที่อยู่ในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษและเป็นสโมสรที่มีสปอนเซอร์เป็นเหรียญ Dogecoin ซึ่งเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดสินทรัพย์ดิจิตอลซึ่งก่อนหน้านี้ทางสโมสรก็ได้มีสปอนเซอร์เป็น Bitcoin ด้วย และภายในสโมสรก็มีการรับเงินคริปโตเคอเรนซี่อีกด้วย

ถึงแม้ว่าธุรกิจหลาย ๆ ธุรกิจจะมีการยอมรับคริปโตมากขึ้น แต่ว่าในแง่มุมของการใช้เป็นเงินในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการหรือใช้ในการเป็นเงินเดือนให้กับพนักงานภายในบริษัทอาจจะไม่ถูกยอมรับในวงกว้างมากนักเนื่องจากความผันผวนที่มีความผันผวนอย่างรุนแรงนั้นทำให้การยอมรับคริปโตเคอเรนซี่ในการซื้อขายสินค้าและบริการหรือเป็นรายได้นั้นอาจจะทำให้เกิดผลประโยชน์หรือผลเสียให้กับผู้รับก็เป็นได้ในแง่มุมนี้การใช้ stable Coin จึงมีเสถียรภาพมากกว่า

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก  Gadgets.ndtv , BBC

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ GUรู็ การเงิน 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Bitcoin กลับมาทดสอบแนวรับอีกครั้งหลังจากเปิดปีใหม่

Bitcoin

Bitcoin เงินคริปโตเคอเรนซี่

1 ปีแล้วที่หลาย ๆ คนได้รู้จักกับเงินคริปโตเคอเรนซี่ หลังจากที่เมื่อปีที่แล้วเหรียญที่สร้างกระแสให้หลายๆ คนหันมาสนใจก็คือ Bitcoin ในช่วงเวลานี้เมื่อปี 2021 เหรียญ Bitcoin ซึ่งเป็นเหรียญที่ใหญ่ที่สุดในตลาดเงินดิจิตอลมีราคาแตะ 1 ล้านบาทเป็นครั้งแรก และก็เป็นการจุดกระแสการลงทุนในคริปโตเคอเรนซี่ขึ้นมาตลอดช่วงระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาในประเทศไทย

หลังจากที่ Bitcoin แตะ 1 ล้านบาทเป็นครั้งแรกราคาก็พุ่งอย่างต่อเนื่องและไปถึง 2 ล้านบาท และก็มีการปรับตัวลงมาบ้างจนถึงช่วงปลายปีที่ผ่านมา Bitcoin ก็มีราคากลับมายืนอยู่ที่ 1,600,000 บาทโดยประมาณ ซึ่งในช่วงการปรับตัวลงเมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาทำให้เหรียญหลายๆ เหรียญในตลาดมีการปรับตัวลงมาตามด้วยเช่นเดียวกันและดูเหมือนว่าหลังจากเดือนธันวาคมจนถึงต้นเดือนมกราคมนี้ราคาของ Bitcoin จะนิ่งและไม่ขยับไปมากนักหลังจากที่ราคามีการปรับตัวลงซึ่งสิ่งที่ดีก็คือในตอนนี้ราคายังสามารถยืนเหนือราคา 1,600,000 บาทได้ ทำให้ราคายังไม่ลดต่ำลงไปกว่านี้ ซึ่งในช่วงเช้าของวันที่ 4 มกราคมก็มีการปรับตัวลงต่ำกว่า 1,600,000 บาทเป็นที่เรียบร้อย มีราคาอยู่ที่ประมาณ 1,580,000 บาท ซึ่งเป็นการกลับมาทดสอบแนวรับอีกครั้ง แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปในช่วงต้นเดือนมกราคมนี้ก็คือการที่เหรียญ Altcoin (เหรียญอื่นที่ไม่ใช่ Bitcoin) มีการปรับตัวขึ้นบางเหรียญมีราคาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงทั้งที่ดัชนีที่วัดยังมีค่าเป็นกลางอยู่ก็ตามที่ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่าเงินจำนวนหนึ่งได้ถูกนำออกจาก Bitcoin ไปอยู่ที่ Altcoin นั่นเอง

สำหรับดัชนีชี้วัดค่าความกลัวและความโลภของโลกคริปโตในตอนนี้ก็อยู่ที่ Extreme Fear เลยทีเดียว ซึ่งในตัวชี้วัดดังกล่าวนี้สามารถใช้ในการดูจังหวะเข้าซื้อหรือจังหวะขายได้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยในขณะที่ราคาอยู่ในช่วง Extreme Fear หรือผู้คนส่วนมากรู้สึกกลัวตลาดก็อาจจะเป็นช่วงที่ตลาดเป็นขาลงและเหมาะกับการเข้าซื้อมากที่สุดก็เป็นได้และในช่วงที่ตลาดอยู่ในภาวะ Too Greedy ก็หมายความว่าตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้นและมีความเป็นไปได้ว่าราคาจะมีการปรับตัวลงซึ่งก็เป็นจังหวะที่อาจจะใช้ในการขายเพื่อทำกำไรนั่นเอง

และในปีนี้ถ้าหากว่าเงินเฟ้อมีอัตราการเพิ่มมากขึ้นก็อาจจะเป็นไปได้ว่า Bitcoin จะยังอยู่ในช่วงของขาขึ้นต่อไปอย่างแน่นอน และก็มีความเป็นไปได้อีกด้วยว่าราคาของ Altcoin บางเหรียญอาจจะไม่ได้อ้างอิงตามราคาของ Bitcoin แล้วก็เป็นได้ อาจจะมีช่วงที่ราคาของ Bitcoin ปรับตัวลงแต่ราคาของเหรียญ Altcoin พุ่งสูงขึ้น และก็มีความเป็นไปได้ด้วยเช่นเดียวกันที่เราจะเห็น Altcoin Season ถ้าหากว่าราคาของ Bitcoin ไม่มีการขยับนั่นเอง

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก Alternative.me , Blockchaincenter

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ GUรู็ การเงิน 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Bitcoin ทำจุดสูงสุดใหม่

Bitcoin

Bitcoin ทำจุดสูงสุดใหม่พาตลาดคริปโตราคาพุ่ง

Bitcoin ทรัพย์สินดิจิตอลที่มีอายุเพียงแค่สิบกว่าปีแต่สามารถสร้างกำไรให้กับนักลงทุนมหาศาลซึ่งในปี 2021 นี้ก็เป็นปีที่มีการพูดถึง Bitcoin มาตลอดทั้งปีเลยก็ว่าได้นับตั้งแต่ต้นปีที่ราคาไปแตะ 1 ล้านบาทก็สามารถดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่ให้เข้ามาลงทุนได้เป็นจำนวนมากเลยทีเดียวและราคาก็พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนเมษายนที่ราคาสามารถดันไปสูงถึง 2,120,000 บาทโดยประมาณซึ่งพอราคาทำจุดสูงสุดดังกล่าวได้ ทั่วทั้งโลกก็ให้ความสนใจมากขึ้นปี

ทำให้เกิดข่าวมากมายเลยทีเดียวซึ่งเป็นทั้งข่าวในแง่บวกและแง่ลบทำให้ส่งผลต่อราคาเหรียญ Bitcoin อยู่บ่อยครั้งหลังจากที่เดือนเมษายนราคาทำจุดสูงสุดใหม่ได้ราคาก็เริ่มดิ่งลงมากกว่า 50% ลงมาเหลือราคา 1 ล้านบาทซึ่งในช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่มีข่าวดีประกอบกับข่าวร้ายด้วยเช่นเดียวกันซึ่งข่าวดีก็มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ราคาของเหรียญนั้นพุ่งขึ้นแต่ก็ดูเหมือนว่าตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนสิงหาคมราคาของ Bitcoin ก็ยังนิ่งสนิทถึงแม้ว่าจะมีการปรับตัวขึ้นไปบ้างในบางช่วงก็ตามที แต่หลังจากเดือนกันยายนเป็นต้นมาราคาของ Bitcoin ก็ดูเหมือนจะกลับมาสูบในตลาดกระทิงอีกครั้งและก็มีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งวันที่ 21 ตุลาคม 2564 ราคาของ Bitcoin ก็ทำจุดสูงสุดใหม่อย่างเป็นทางการโดยมีราคาสูงถึง 2,200,000 บาทโดยประมาณเลยทีเดียว ประกอบกับข่าวว่าประเทศสหรัฐอเมริกาเปิดกองทุน ETF Bitcoin future คงเป็นเหตุผลว่าทำไมราคาของ Bitcoin ถึงพุ่งแรงได้ขนาดนี้

จากการขึ้นของเหรียญใหญ่อย่าง Bitcoin ทำให้วันนี้เหรียญเล็ก ๆ ที่อยู่ในตลาดมีราคาปรับตัวสูงขึ้นตามมาโดยทันที ซึ่งก็คงสร้างผลกำไรให้กับนักลงทุนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่สำหรับผู้ที่ตัดสินใจที่จะซื้อ Bitcoin ในช่วงนี้ ก็ต้องขอแนะนำว่าช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงที่ดีที่สุดที่จะเข้าไปซื้อเก็บเพราะว่าราคานั้นได้ขึ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งในอนาคตก็อาจจะมีการย่อของราคาลงมาได้บ้าง สำหรับผู้ที่ต้องการที่จะซื้อ Bitcoin ก็รอตอนที่ราคามันลดลงมาดีกว่า เพราะไม่งั้นอาจจะขาดทุนก็ได้

นอกจาก Bitcoin แล้ว Ethereum ก็เป็นอีกหนึ่งเหรียญที่เข้าใกล้จุดสูงสุดเดิมเข้าไปทุกขณะโดยเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาราคาของ Ethereum สามารถไปได้ถึง 142,500 บาทโดยประมาณและก็ย่อตัวตาม Bitcoin มาในช่วงเวลาหลังจากนั้นจนล่าสุดในวันที่ 21 ตุลาคมราคาของเหรียญดังกล่าวก็อยู่ที่ 139,000 บาทโดยประมาณไม่มี

ข้อแนะนำสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่พึ่งได้ยินข่าวเกี่ยวกับ Bitcoin ก็ขอให้เลือกลงทุนเหรียญที่เป็นเหรียญพี่เป็นอันดับต้น ๆ ของ marketcap โดยสามารถเข้าไปดูได้ที่ Coinmarketcap เพราะว่าเป็นเหรียญที่มีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ดีกว่าเหรียญเล็ก ๆ และเมื่อมีความสามารถมากพอก็จึงค่อยนำเงินไปใช้กับเหรียญเล็ก ๆ เพราะว่าในบางทีเล็ก ๆ ก็สร้างกำไรมากกว่าเหรียญใหญ่ ๆ ในตลาด

ภาพจาก Pixabay

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ GUรู็ การเงิน 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

บริษัท Square ของ Jack Dorsey มูลค่าเพิ่มขึ้น 2 เท่า

ack Dorsey

บริษัท Square ของ Jack Dorsey ประกอบธุรกิจทางด้าน Fintech

วันที่ 18 ตุลาคม 2564 ราคาของ Bitcoin กลับมาใกล้กลับราคาสูงสุดอีกครั้งหลังจากที่เคยทำจุดสูงสุดที่ราคา 2 ล้านกว่าบาทเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งการที่ราคาของ Bitcoin ผู้กำกับมาใกล้เคียงกับจุดสูงสุดเดิมอีกครั้ง ซึ่งการที่ราคาของ Bitcoin สามารถขึ้นมาทำจุดสูงสุดได้ครั้งนั้นใช้เวลาเพียงแค่ 5 เดือนเพียงเท่านั้นเรียกว่าเป็นตลาดที่มีความผันผวนสูงมากเลยทีเดียว ทำให้บริษัทที่มีการซื้อ Bitcoin เป็นทุนสำรองมีมูลค่าของบริษัทเพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกันซึ่งหนึ่งในบริษัทที่มีการซื้อ Bitcoin เก็บไว้เป็นประจำก็คือบริษัท Square ของJack Dorsey

Jack Dorsey เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุน Bitcoin มาโดยตลอดโดยตัวของเขานั้นมีการพูดถึง Bitcoin บน Twitter อยู่เป็นประจำและมีการซื้อ Bitcoin และใช้มันในบริษัทของเขาด้วยตัวอย่างเช่น Twitter ที่มีฟีเจอร์ Tipjar ฟีเจอร์ที่เอาไว้ใช้ส่งเงินสนับสนุนให้กับผู้ใช้งาน Twitter หรือเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ที่ใช้งาน Twitter โดยสามารถส่งเงินสนับสนุนเป็นเหรียญ Bitcoin ได้ นอกจากนี้บริษัท Square ที่เป็นบริษัทของ Jack Dorsey ที่ประกอบธุรกิจทางด้าน Fintech ก็ซื้อ Bitcoin ไว้เป็นประจำ โดยบริษัทได้ลงทุนใน Bitcoin ไปเป็นจำนวน 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในตอนนี้ที่ราคาของ Bitcoin พุ่งสูงขึ้นจนเกือบถึงจุดสูงสุดเดิมทำให้มูลค่าของบริษัทนั้นที่ได้จากการซื้อ Bitcoin เพิ่มขึ้นเป็น 470 ล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งสูงกว่า 2 เท่าเสียอีกด้วยซ้ำ

โดยจากการรายงานจากหนังสือพิมพ์ Bitcoin Magazine บริษัท Square มีการถือเหรียญ Bitcoin เป็นจำนวน 8,027 โดยประมาณ โดยจากจำนวนเงิน 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้มีการซื้อ Bitcoin ที่ราคาประมาณ 27,407 ดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วบริษัท Square ได้มีการเข้าซื้อ Bitcoin ด้วยจำนวนเงิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตลอดทั้งปี 2020 บริษัทได้มีการประกาศออกมาว่าได้มีการเข้าซื้อ Bitcoinไป ประมาณ 3,318 เหรียญ

นอกจากบริษัท Square แล้ว บริษัท Tesla ก็เป็นอีก 1 บริษัทที่ได้รับผลกำไรจากการขึ้นของ Bitcoin ในครั้งนี้ด้วยเช่นเดียวกันหลังจากที่บริษัทได้มีการซื้อ Bitcoin ในช่วงของราคา 1.5 ล้านบาท และได้มีการประกาศขายออกไปบางส่วนแต่ก็ยังได้กำไรกลับมา และยังมีบริษัทอีกหลาย ๆ บริษัทที่ได้รับอานิสงส์จากการขึ้นของราคาในครั้งนี้ด้วย

อย่างไรก็ตามการลงทุนในเงินดิจิตอลนั้นถือว่ามีความเสี่ยงสำหรับนักลงทุนรายย่อยอย่างเราดังนั้นควรศึกษาเหรียญต่าง ๆ ก่อนที่จะเลือกเข้าไปลงทุน เพราะว่าบางเหรียญก็ไม่ได้มีราคาที่ขึ้นลงอย่างรวดเร็วและบางเหรียญก็ใช้เวลานานมากกว่าจะราคาขึ้น และที่สำคัญเป็นตลาดที่มีความผันผวนอย่างมากดังนั้นต้องศึกษาและมีความรู้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก Gadgets.ndtv

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ GUรู็ การเงิน 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

สหรัฐอเมริกามีอัตราการขุด Bitcoin สูง

Bitcoin

อัตราการขุด Bitcoin สหรัฐอเมริกาสูงกว่าประเทศจีน

นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2021 เป็นต้นมาเงินดิจิตอลก็ถูกพูดถึงกันอย่างแพร่หลายผู้คนเริ่มหันมาสนใจในด้านการลงทุนบริษัทยักษ์ใหญ่หลายๆ บริษัทก็เริ่มหันเข้ามาเก็บสินทรัพย์ประเภทนี้เป็นทุนสำรองของบริษัทและยังดำเนินการพิจารณาให้สามารถใช้ในการชำระสินค้าและบริการได้อีกด้วย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวที่ว่ามาทั้งหมดสืบเนื่องมาจากราคาของ Bitcoin ที่พุ่งสูงขึ้นทะลุ 1 ล้านบาทในช่วงต้นปีที่ผ่านมาและผ่านไปได้ไม่ถึง 3 เดือนก็มีราคาไปแตะ 2 ล้านบาท ทำให้อุตสาหกรรมเงินดิจิตอลโดยเฉพาะการขุด Bitcoin นั้นครึกครื้นขึ้นมาอย่างมากเลยทีเดียว ซึ่งหนึ่งในฐานของเหมืองขุด Bitcoin ที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยก็คือประเทศจีน

ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีการพูดถึง Bitcoin อยู่เสมอแต่อยู่ในทิศทางในแง่ลบหลังจากที่ Bitcoin เริ่มได้รับความนิยม ประเทศจีนก็เริ่มดำเนินแผนการการสร้างเงินดิจิตอลเป็นของตัวเองในชื่อ

“ดิจิตอลหยวน” แลกได้มีการไล่แบนเหมืองขุด Bitcoin ภายในประเทศตัวเองตั้งแต่ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาซึ่งนั่นก็ทำให้อัตราการขุด Bitcoin ในประเทศจีนลดลงจาก 44 เปอร์เซ็นต์เป็น 0% ในเดือนมิถุนายนและผู้ประกอบการพี่ทำธุรกิจการขุด Bitcoin นั้นต้องเดินทางออกจากประเทศจีนและประเทศใหม่ที่จะใช้ในการเปิดเหมืองขุดอีกครั้ง นอกจากการขุดแล้วประเทศจีนยังได้แบนการทำธุรกรรมทุกๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับเงินดิจิตอลอีกด้วยทำให้ประเทศจีนตอนนี้ไม่ได้มีการใช้เงินดิจิตอลเลยแม้แต่นิดเดียวเว้นแต่ดิจิตอลหยวนที่ทางรัฐบาลสร้างขึ้น

เมื่อผู้ประกอบธุรกิจการขุด Bitcoin ย้ายออกจากประเทศจีน ทำให้ประเทศอเมริกาเป็นประเทศที่มีอัตราการขุดเหรียญแซงหน้าประเทศจีนโดยมีอัตราการขุดอยู่ที่ 35.4 เปอร์เซ็นต์ของอัตราการขุดทั่วโลกในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาตามาด้วยประเทศคาซัคสถานและประเทศรัสเซียซึ่งข้อมูลทั้งหมดได้ถูกเปิดเผยมาโดยมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์

ซึ่งก็ต้องมาติดตามดูว่าในอนาคตทิศทางขออุตสาหกรรมการขุด Bitcoin ในประเทศสหรัฐอเมริกาจะเป็นอย่างไร เพราะว่ามีการใช้พลังงานไฟฟ้าที่สูงและอาจจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งประธานาธิบดีโจไบเดนก็จะเดินทางไปงาน Cop26 ที่จะมีการพูดเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนที่เมืองกลาสโกว์ในเดือนหน้า

สำหรับประเทศรัสเซียเป็นประเทศที่มีค่าใช้จ่ายพลังงานที่ต่ำและอากาศที่เย็นทำให้เป็นประโยชน์ต่อการขุด Bitcoin แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องมาดูว่าการเติบโตมากขึ้นนี้จะทำให้การขุด Bitcoin เป็นเรื่องผิดกฎหมายหรือไม่

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก the guardian

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ GUรู็ การเงิน 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook