ห้าขั้นตอนหลักของ SMEs ที่ธุรกิจเกิดใหม่ในช่วงโควิด ต้องคำนึงถึง!

SMEs

ต่อให้เป็นช่วงที่ดีที่สุดที่จะเปิดธุรกิจหรือทำอะไรใหม่ๆ ก็ต้องยอมรับว่าการตั้งต้นทำอะไรสักอย่างนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ยิ่งมาในช่วงที่ยากลำบากในภาวะที่โควิด-19 เดี๋ยวมาเดี๋ยวหาย แล้วก็เดี๋ยวกลับมาอีกอย่างนี้ ก็ยิ่งยากเย็นยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา

สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทะลุข้อจำกัดทั้งการเป็นหน้าใหม่ และการส่งไม้ต่อให้กับรุ่นถัดไป ทำให้บางรายต้องหยุดกิจการไปเพราะสาเหตุจากการที่ตั้งรับไม่ทันกับสถานการณ์ 

ต่อไปนี้เป็นห้าขั้นตอนที่มาจากประสบการณ์จริงของธุรกิจที่ต้อง”ผ่าน”เพื่อที่จะแจ้ง”เกิด”ได้สำเร็จ

ขั้นตอนที่หนึ่ง ถือกำเนิด

เมื่อมีไอเดียธุรกิจแล้วก็ต้องกลั่นกรองออกมาให้ได้ว่าสินค้าและบริการนั้นคืออะไร ในขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาคิดให้ถี่ถ้วน และทดลองออกสู่สายตาคนรอบข้างเพื่อดูว่าได้รับการตอบรับที่ดีหรือไม่ ที่สำคัญต้องพิจารณาว่าสินค้าหรือบริการนั้นๆเข้ากับความต้องการของตลาดด้วยหรือเปล่า เพราะต่อให้มีสินค้าที่ดีสุดๆ การตอบรับโอเค แต่ตลาดไม่ต้องการ การเก็บพับความคิดไปก่อนอาจจะดีกว่า หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องหาตลาดที่ตรงกับสินค้าที่ตัวเองนำเสนอให้ได้

ในช่วงนี้ธุรกิจยังมีขนาดเล็ก สิ่งที่ต้องใช้คือครามเร็วในการปรับเปลี่ยน ต้องไม่ชักช้า เมื่อลูกค้ามีการตอบสนองไปในทิศทางใดก็ต้องกลับมาพิจารณาโดยด่วนว่าสินค้าบริการที่ทำอยู่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรหรือไม่

ขั้นตอนที่สอง อยู่ให้รอด

เมื่อได้รับการพิสูจน์มาแล้วในระดับหนึ่งว่าสินค้าบริการได้ผ่านการทดสอบตลาด จนมีตลาดรองรับบ้างแล้ว สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าให้ได้เพราะว่าฐานลูกค้ายังไม่แข็งแรง จึงจำเป็นจะต้องทำงานหนักกับการดึงดูดใจลูกค้าให้กลับมาใช้สินค้าบริการอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นความพึงพอใจของลูกค้า การสะสมชื่อเสียง เป็นทั้งสิ่งที่เปราะบางและเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสนใจดูแล เพราะความไม่สม่ำเสมอในการบริการเพียงครั้งเดียวอาจหมายถึงจำนวนลูกค้าที่หดหายไป ไม่เหมือนกับองค์กรที่มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้ายาวนานที่มีโอกาสในการผิดพลาดและแก้ตัวได้มากกว่า

อีกเรื่องที่ต้องทำคือ การรักษาผลกำไรเอาไว้ให้เหนียวแน่น เพราะคงไม่สามารถขึ้นราคาสินค้าได้ ดีไม่ดีต้องทำโปรโมชั่นเพื่อดึงลูกค้าให้อยู่กับเรานานๆ จำเป็นต้องรัดกุมในเรื่องการใช้จ่าย แต่ต้องไม่จำกัดไว้หากการใช้จ่ายนั้นเป็นไปเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าได้

ขั้นตอนที่สาม เก็บเกี่ยวความสำเร็จ

ถ้าผ่านขั้นตอนที่รักษาความสัมพันธ์กับลุกค้าไว้ได้ หมายถึงมีชื่อเสียงและมาตราฐานที่ลูกค้าไว้วางใจ ดูเหมือนไม่มีอะไรมากกว่านี้แล้ว แต่สำหรับเจ้าของธุรกิจขั้นตอนนี้ก็สำคัญ เพราะว่าการกำหนดบทบาทให้รู้ชัดเจนต่อจากนี้ จะช่วยให้รักษาธุรกิจได้อีกยาวนาน หากคิดจะเป็น “ราชา” ก็ต้องยอมรับการทำงานหนักแต่อาจจะหมายถึงรายได้ที่จำกัดเพราะทำงานแบบไม่มีปล่อยให้ใครช่วยก็ต้องเติบโตได้จำกัด แต่หากต้องการความมั่งคั่งสิ่งที่ทำอาจจะเป็นการเสียสละเงินในระยะแรกหาคนมีฝีมือมาจัดการเรื่องยุ่งๆ เพื่อจะได้มีเวลาในการเติบโตต่อไป

และสุดท้ายต้องกันเงินสำรองไว้สำหรับการลงทุนเพื่อการเติบโต ในช่วงการเก็บเกี่ยวผลกำไร ไม่สามารถนำไปใช้กับความรื่นเริงหรือตอบแทนตัวเองได้ทั้งหมดแต่ต้องเก็บหรือต่อยอดเพื่อให้เงินส่วนนี้กลายเป็นฐานในการเปิดธุรกิจเดิมอีกสาขา หรือก้าวข้ามไปสู่ธุรกิจใกล้เคียงกัน

ขั้นตอนที่สี่ พุ่งไปสู่เป้าหมายที่สูงขึ้น

ขั้นตอนนี้ไม่ว่าในขั้นตอนที่สามคุณจะเลือกอย่างไร มันก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ที่จะขยายขนาดธุรกิจ เพราะมันง่ายมากที่เมื่อธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแล้วจะมีคนที่ก้าวเข้ามาเป็นคู่แข่งและเห็นโอกาสที่คุณเคยเห็นมาก่อนเพราะคุณทำให้มันชัดเจนขึ้นเรียบร้อยแล้ว 

เป็นชั้นตอนที่ต้องลงทุนกับคน คุณอาจจะต้องคัดเลือกคนทำงานที่สำคัญๆของคุณเอาไว้แล้ว และรักษาเขาไว้ให้ได้ หรือแม้แต่สร้างคนใหม่ที่สามารถเป็นตัวสำรองคนสำคัญทั้งหลาย

ในขั้นตอนนี้ยังต้องคิดอย่างจริงจังกับการคืนกำไรให้กับลูกค้าที่ช่วยทำการโปรโมทให้คนอื่นรู้จักเรามากขึ้น โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ทุกการแนะนำบอกต่อมีความหมายต่อธุรกิจในปัจจุบันมาก

ขั้นตอนที่ห้า ใช้ทรัพยากรให้เต็มที่และเป็นระบบ

อันที่จริงการทำให้เป็นระบบอาจเกิดขึ้นตั้งแต่ขั้นตอนแรกๆก็เป็นได้ แต่มันยังไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นที่สุด แต่ถ้าหากว่าผ่านขั้นตอนที่สี่ที่ขยายธุรกิจได้แล้วเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่จะขาดไม่ได้ เพราะว่าเมื่อขนาดธุรกิจใหญ่ขึ้น มันเริ่มเป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นรายละเอียดทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบ “ราชา” หรือ ระบบ “อาเสี่ย” 

โดยเฉพาะในส่วนการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า เพราะส่วนนี้ยังไงก็ยังเป็นหัวใจหลัก ความสามารถในการติดตามมอนิเตอร์ว่า ลูกค้าคิดยังไงกับเรา หรือวิธีการของพนักงานในการสื่อสารกับลูกค้าเป็นไปอย่างที่องค์กรต้องการหรือเปล่า มีความสำคัญที่สุดเพราะเป็นจุดชี้เป็นชี้ตายของทุกธุรกิจเสมอ

เรื่องการเงินมีความสำคัญเสมอที่เจ้าของธุรกิจต้องใส่ใจ แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ธุรกิจมักมีขนาดใหญ่พอที่จะมีนักบัญชีจัดการ เจ้าของธุรกิจต้องปรับบทบาทจากการควบคุมกำกับแบบทุกรายละเอียดมาเป็นการตรวจสอบแบบองค์รวม (แต่ก็ยังต้องตรวจสอบทิ้งไม่ได้) แล้วหันมาใส่ใจกับกิจกรรมทางการตลาดที่ไม่สามารถเหวี่ยงเม็ดเงินสู่การประชาสัมพันธ์แบบเหวี่ยงแหเหมือนโลกยุคเก่าได้อีกแล้ว แต่ต้องหันมาใส่ใจลูกค้าและช่องทางการสื่อสารที่ลูกค้าใช้อย่างจริงจัง และลงเม็ดเงินกับการประชาสัมพันธ์ที่ไปหากลุ่มลูกค้าที่ต้องการจริงๆ

ทั้งหมดห้าขั้นตอนนี้ ไม่ได้จำกัดที่ขนาดของธุรกิจแต่เป็นขั้นตอนที่แต่ละธุรกิจต้องพบเจอและผ่านมันไปให้ได้ แม้ว่าไม่ใช่สูตรสำเร็จที่เป็นคำตอบ แต่เป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกได้ว่าในตอนนี้คุณอยู่ที่ขั้นตอนไหนและควรทำอะไรเพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนแม้ในช่วงยากลำบากเช่นนี้

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ มาร์เก็ตติ่ง 
เวปไซด์ mee-money.com