เวียดนามเปิดแผนปรับประเทศครั้งใหญ่ผ่านโครงสร้างพื้นฐาน กับเงินลงทุน 65,000 ล้าน USD
เศรษฐกิจของเวียดนามนั้นมีขนาดเป็นอันดับ6 ของอาเซียน ตามหลังไทยที่รั้งอยู่อันดับ 2 จากทั้งหมด 10 ประเทศ แต่ถ้ามองในมุมการเติบโตของเศรษฐกิจแล้วต้องถือว่าเวียดนามเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตเป็นอันดับ 3 นับตั้งแต่ปี 2014 ในขณะที่ไทยรั้งท้ายสุดของขบวน! และในตอนนี้เวียดนามกำลังวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ด้วยงบประมาณที่เราได้แต่มองดูจริงๆ

ใครที่เคยไปเวียดนามมาก็จะทราบดีว่า อุปสรรคที่ขัดขวางการก้าวกระโดดไปข้างหน้าของเวียดนามมีสองอย่าง อย่างแรก คือ รัฐบาล แต่ก็ต้องบอกไว้ก่อนนะว่า แม้ว่าภาครัฐจะมีอันดับความโปร่งใสต่ำ อยู่ที่ 104 ของโลก (หมายเหตุ ไทยร่วมอันดับกับเวียดนามที่ 104 เช่นกัน) แต่ในด้านความมุ่งมั่นที่จะนำเงินเข้าประเทศในฐานะผู้รับจ้างผลิตด้วยการใช้แรงงานเข้าแลกนั้นสูงมาก ทำให้การเติบโตของ GDP เป็นไปอย่างมั่นคง อย่างที่สอง คือ โครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ ระบบสาธารณูปโภค และ ถนนหนทาง

ถนนในเวียดนามนั้นถือได้ว่าเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาอย่างมาก เนื่องจากว่าถนนระหว่างเมืองนั้นทั้งมีคุณภาพต่ำ ทั้งมีขนาดเล็ก ไม่เหมาะกับการเดินรถบรรทุกขนาดใหญ่ เมื่อมีขนาดเล็กบวกกับความนิยมที่ชาวเวียดนามใช้ทั้งจักรยานยนต์และจักรยานขับขี่ทั่วไป ทำให้พื้นที่บนถนนมักถูกกั้นขวางไว้ด้วยรถเล็กๆมากมาย ทำให้การขนส่งสินค้าเป็นไปอย่างล่าช้า
เดือนเมษายน 2021 ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของเวียดนามจึงได้คลอดแผนพัฒนาระบบขนส่งครั้งใหญ่ ที่จะใช้งบประมาณที่คาดไว้ 43,000 – 65,000ล้านเหรียญสหรัฐ ในการสร้างทางด่วนหลายพันกิโลเมตรทั่วประเทศ รถไฟฟ้าความเร็วสูง ท่าเรือน้ำลึก และสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ ซึ่งประมาณการว่าจะรองรับการขนส่งด้วยคอนเทนเนอร์ 4.4 พันล้านต้นต่อปี โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2030

โครงการนี้ผู้เขียนเห็นว่าเป็นการเกาที่ถูกที่คันจริงๆ นโยบายภาครัฐของเวียดนามครั้งนี้ตอบโจทย์ธุรกิจและชีวิตผู้คน การขยายถนนแม้เป็นเรื่องที่ควรทำแต่ดูจากวิถีชีวิตของคนเวียดนามแล้ว แม้ว่าขยายถนนไปอาจจะทำให้เกิดปัญหาอุบัติเหตุได้มากกว่า แต่การตัดผ่านทางด่วนให้กับรถบรรทุกขนาดใหญ่จากนิคมอุตสาหกรรมทั้งเหนือและใต้จึงเป็นการช่วยทั้งธุรกิจเอกชน และช่วยให้เศรษฐกิจของเมืองใหญ่น้อยดำเนินต่อไปได้อย่างกลมกลืน
ถึงแม้ว่าเวียดนามเป็นประเทศที่มีเสียงบ่นว่าโครงการรัฐมักจะล่าช้า แต่ว่ารัฐบาลเวียดนามก็เป็นประเภทที่ว่าเมื่อบอกว่าจะทำก็จะเริ่มต้นทันทีเหมือนกัน เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะช้าหรือไม่เสือตัวเดิมที่ตัวใหญ่อีก2-3เท่าตัวน่าจะเกิดขึ้นได้จริงๆ งอนิ้วนับดูอีกเพียงแค่ 8 ปีเท่านั้น บวกกับอัตราความก้าวหน้าของตัวเลขทางเศรษฐกิจแล้ว ดีไม่ดีอาจสามารถหายใจรดต้นคอไทยได้ในระยะเวลาไม่นาน
นึกย้อนไปถึงโครงการ 20,000 ล้านบาทในไทยเมื่อสิบปีที่แล้วที่ตัดตอนไป มาถึงวันนี้มองไปทางไหนก็ไม่มีสิ่งไหนดีขึ้น นอกจากรถไฟฟ้าในเมืองที่เพิ่มจำนวนสายขึ้นมาแบบที่ไม่ได้ช่วยคนมากเท่าไหร่เพราะค่ารถยังถือว่าอยู่ในอัตราที่แพงกว่าประเทศอื่นมากๆเทียบจากรายได้ต่อหัวต่อวัน เอาจริงๆแล้วเมื่อไม่สามารถทำให้การใช้ชีวิตของประชาชนถูกลงได้ ก็มีประโยชน์เพียงเพิ่มมูลค่าที่ดินให้กับเจ้าของที่ดิน ซึ่งก็ไม่ใช่ประชาชนธรรมดาๆอยู่แล้ว เป็นใครบ้างก็รู้อยู่
ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ มาร์เก็ตติ่ง
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook