คิดว่าหลายคนคงจำได้ว่าปลายปี 2019 อีลอน มัสค์ เปิดตัวรถ Cybertruck ที่โด่งดังเป็นพลุแตกเพราะในการเปิดตัวรุ่นทดลองนั้นมีการนำเอาค้อนปอนด์ขนาดใหญ่ทุบทดสอบ ปรากฏว่าโครงตัวถังไม่เป็นไร แต่กระจกแตก นั่นทำให้เป็นข่าวดังไปทั่วโลก
แต่ คงไม่มีใครกล้าหัวเราะ มัสค์ได้เต็มปาก เพราะว่าประสิทธิภาพที่เราเห็นมันเหลือเชื่อจริงๆทั้งกำลังและอัตราเร่ง
จนมีคนเม้าท์กันว่า มัสค์ ตั้งใจให้เป็นข่าว เพราะกระแสไวรัลดีกว่าทำโปรโมทเองเสียอีก

ก่อนหน้านั้นใครจะเชื่อว่ารถปิกอัพไฟฟ้าจะซื้อใจคนและตลาดจะตอบรับ แต่หลังจากวันที่ Cybertruck เปิดตัวก็ไม่มีใครกล้าคิดว่ามันจะเป็นไปไม่ได้อีก ในที่สุดเราก็ได้เห็นเจ้าตลาดอย่าง Ford ยอมไม่ได้ที่จะให้ Tesla แซงหน้า
Ford เริ่มโปรเจคตั้งแต่ต้นปี 2019 ปล่อยข่าวเกี่ยวกับรถปิกอัพที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า 100% ของตัวเองมาเรื่อยๆ ในที่สุดก็ประกาศที่จะปล่อยของจริงภายในปี 2022 ชื่อรุ่น F-150 Lightning ดังนั้นเวลาจะไล่เลี่ยกันกับที่ Tesla จะปล่อยรถ Cybertruck ตัวจริงเข้าสู่ตลาดเช่นกัน
แม้ว่า Ford จะเริ่มต้นโปรเจคทีหลัง Tesla แต่ด้วยสรรพกำลังที่มีไม่น้อยกว่า บวกประสบการณ์ที่มากกว่า ทำให้ออกตัวรถทันเวลาก่อนที่จะเสียรังวัดให้กับ อีลอน มัสค์

แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือการตอบรับของผู้บริโภค เรามาดูผลสำรวจของ คนอเมริกัน กัน เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดๆ
คำถาม: คุณจะซื้อรถปิกอัพไฟฟ้าหรือไม่
มีคนตอบรับว่า “ซื้อแน่นอน” ถึง 25% อีก 23% ตอบว่า “จะซื้อนะรถไฟฟ่าน่ะ แต่ไม่ใช่ปี๊กอัพ” และมีคนตอบว่า “ไม่แน่ใจ” 21% ในขณะที่คนตอบว่า “ไม่เอาแน่ๆ” เพียง 31%
นั่นหมายความว่า มีคนมากกว่า 60% ที่เปิดใจรับการมาของรถไฟฟ้าไปแล้ว และมีคนที่คิดจะเปลี่ยนแน่นอนอยู่ไม่น้อย
คำถาม: แล้วจะซื้อรถปิ๊กอัพไฟฟ้ายี่ห้ออะไร รุ่นไหนล่ะ
Ford ที่มาทีหลังก็ยังนับว่าเป็นเจ้าตลาดอยู่ มีเสียงตอบรับ F-150 Lightning มากที่สุดถึง 25%
โดยมี Cyber Truck ของ Tesla ตามมาติดๆที่ 24% และมีเจ้าตลาดอีกแบรนด์คือ เชฟโรเลท ที่ส่งรุ่น Silveraro เข้าประกวดได้การตอบรับไป 23%

ดูเผินๆเหมือนว่า Ford กำชัยชนะไปได้แบบหวุดหวิด น่าจะดีใจอยู่
ถ้าไม่มองย้อนกลับไปปี 2015 เป็นตัวอย่าง ที่ Ford กินส่วนแบ่งตลาดปกติอยู่ที่ 30% โดยมี เชฟโรเลท ตามมาห่างๆที่ 25% ซึ่งเป็นอย่างนั้นมาตลอด
แล้ววันหนึ่งในเซ็กเม้นที่มีการเติบโตแน่ๆอย่างรถปิกอัพไฟฟ้า การเสียพื้นที่ให้กับ Tesla ถึง 5% จึงไม่ใช่เรื่องน่าดีใจสักนิด
อีกอย่าง นี่เป็นเพียงแค่ผลสำรวจความนิยมล่วงหน้า ยังไม่รู้ว่าถึงวันจริงแล้วเหรียญที่ออกจะเป็นหัวหรือก้อย
หันมามองบ้านเราก็ต้องทำตาปริบๆ เพราะสาเหตุที่ศึกครั้งนี้ได้เริ่มขึ้นและเปิดตัวกันใหญ่โต มาจากสภาพเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้นเรียบร้อยแล้วในภูมิภาคอเมริกาเหนือ แถมยังมีข่าวดีอื่นๆในออสเตรเลีย และยุโรป จีนยิ่งไม่ต้องพูดถึง
แต่บ้านเรายังโงหัวไม่ขึ้น ไม่มีส่วนร่วมแน่นอนอย่างน้อยก็อีกหนึ่งปีเต็มๆ ก็คงได้แต่ดูยักษ์ใหญ่สู้กันต่อไปครับ
ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ มาร์เก็ตติ่ง
เวปไซด์ mee-money.com