ทักษะที่ต้องเก่ง ถ้าอยากมียอดขายขึ้น ตอนที่ 2

ทักษะ

3 ทักษะที่ต้องเก่ง ถ้าอยากมียอดขายขึ้น ตอนที่ 2

2 ทักษะที่ โคช แบงก์ “สุภกฤษ กุลชาติวิจิตร” เจ้าของเพจ รู้รอบตอบโจทย์ธุรกิจนำมาแนะนำในบทความตอนที่ 1 ถือว่ามีความสำคัญยิ่งที่คุณต้องฝึกและพัฒนาทักษะทั้ง 2 ให้เก่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ในทักษะข้อที่ 3 ในบทความที่สองนี้ นอกจากจะสอนในเรื่องของทักษะแล้วยังมีสาระของขั้นตอนการขายที่สำคัญมากสำหรับนักขายแทรกมาในบทความอีกด้วย ดังนั้นอย่าได้เสียเวลา ไปเรียนรู้กันต่อเลยดีกว่า

3.ทักษะการแก้คำปฏิเสธ  ความลับในการแก้คำปฏิเสธคือ การใช้วิธีการป้องกัน การแก้คำปฏิเสธที่ดีที่สุด คือการไม่ให้เกิดการปฏิเสธ การป้องกันก็คือ คุณต้องทำตามขั้นตอนการขายอย่างเป๊ะๆ อย่าข้ามขั้นตอน ถ้าคุณไม่ข้ามขั้นตอนโอกาสน้อยมากที่จะเกิดการปฏิเสธ

ขั้นตอนการขายคืออะไร ? 

1.คุณต้องเปิดใจลูกค้า เปิดใจให้ลูกค้าเห็นว่าคุณไว้เนื้อเชื่อใจได้ว่าคุณเป็นมืออาชีพทางด้านนี้ เมื่อเปิดใจได้เข้าสู่ขั้นตอนที่ 2

2.การสอบถามปัญหาลูกค้า คุณต้องสอบถามเพื่อหาแผลของลูกค้าให้เจอ

3.การนำเสนอสินค้า เมื่อคุณเจอแผลลูกค้าแล้ว ว่าปัจจุบันลูกค้าอยู่จุดนี้ และสิ่งที่ลูกค้าต้องกการเป้าหมายของลูกค้าอยู่อีกจุด คุณก็ทำหน้าที่นำเสนอสะพานที่จะนำไปสู่เป้าหมายของลูกค้า

4.การตอบข้อโต้แย้ง ซึ่งจะเกิดน้อยมาก ถ้าคุณทำตามขั้นตอน 1,2,3

5.ขั้นตอนสุดท้ายคือ การปิดการขาย ซึ่งถ้าคุณข้ามขั้นตอน ไม่เปิดใจ ขายเลย ลูกค้าอาจไม่ไว้วางใจคุณ ปัญหาที่เกดขึ้นคือเค้าจะปฏิเสธ เค้าจะขอคิดดูก่อน ขอกลับไปถามแฟนก่อน เพราะเค้าไม่ไว้ใจคุณ

ดังนั้นทักษะที่ 3 คือการแก้คำปฏิเสธ ซึ่งการแก้ที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เกิดการปฏิเสธ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าสินค้าของคุณราคาแพง ให้คุณเริ่มต้นในแนวทางที่พูดว่า “ คุณลูกค้าครับ ก่อนที่ผมจะบอกราคาสินค้าตัวนี้ ผมขออนุญาตเล่าให้ฟังนิดหนึ่งนะครับว่า ตอนที่เราจะผลิตสินค้าชิ้นนี้ บริษัท มีตัวเลือกอยู่ 2 ตัวเลือกในการผลิต ตัวเลือกแรกคือผลิตสินค้าแค่พอใช้งานได้ แล้วทำราคาถูกเจาะตลาดล่าง ส่วนอีกตัวเลือกหนึ่งคือทำสิ้นค้าให้ได้ดี ใช้ได้นาน ราคาอาจจะสูงหน่อย แล้วเจาะตลาดบน สุดท้ายบริษัทดูราคาเพื่อผลประโยชน์ของลูกค้าบริษัทจึงเลือกใช้ตัวเลือกที่สอง จึงทำให้ของดูเหมือนจะราคาสูงกว่าตลาดเล็กน้อย แต่คุณภาพดีกว่าใช้งานได้นานกว่า” เมื่อพูดประเด็นนี้ไปแล้ว คุณก็บอกราคาลูกค้าได้เลย เพราะคุณได้ตีกรอบความคิดลูกค้าไปแล้ว แล้วลูกค้าจะไม่พูดว่าสินค้าของคุณแพง เพราะคุณบอกไปแล้วว่าแพงคือตลาดบน ถูกคือตลาดล่าง นี่คือการป้องกันคำปฏิเสธที่ดีที่สุดคือป้องกันไม่ให้คำปฏิเสธนั้นเกิดขึ้น

รีบฝึกพัฒนาทักษะทั้ง 3 อย่างเข้าใจและให้เร็วขึ้น รับรองว่าในไม่ช้า คุณจะกลายเป็นนักขายมืออาชีพที่มียอดขายให้ใครหลายคนต้องอิจฉาอย่างแน่นอน 

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ มาร์เก็ตติ่ง 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

ทักษะที่ต้องเก่ง ถ้าอยากมียอดขายขึ้น

ยอดขาย

3 ทักษะที่ต้องเก่ง ถ้าอยากมียอดขายขึ้น

โคช แบงก์ “สุภกฤษ กุลชาติวิจิตร” เจ้าของเพจ รู้รอบตอบโจทย์ธุรกิจ หลายคนบอว่าการปิดการขาย แต่รู้สินค้า มีโบชัวร์สินค้าก็พอแล้ว มีเด็กใหม่เข้ามาก็โยนโบชัวร์สินค้าให้ ไปศึกษาโบชัวร์แล้วก็ไปขายเลย เป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะแค่รู้แค่นี้ไม่ด้ำให้คุณปิดการขายได้ เพราะยอดขายที่เข้ามาเป้นยอดขายแบบหมูวิ่งชนปังตอ คืออยากได้ใจจะขาดอยู่แล้ว ขอแค่ใครสักคนมาขายให้ ซึ่งมีน้อยมากยอดขายแบบนี้ 100 คนอาจจะมีแค่ 3-4 คนเท่านั้น แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ที่หายไป  เพราะคุณขาดทักษะนี้ ซึ่ง 3 ทักษะที่จะทำให้คุณปิดการขายได้ง่ายและมียอดขายเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องพัฒนาทักษะทั้ง 3 ข้อให้เก่ง ดังต่อไปนี้ต่อไปนี้

ทักษะที่ 1 ทักษะการเห็นใจลูกค้า สมมุติว่าลูกค้าขับมอเตอร์ไซด์มาเพื่อจะมาซื้อรถยนต์ คุณต้องมีความเห็นใจและเข้าใจลูกค้าหรือไม่ว่า ตอนที่ลูกค้ายังใช้มอเตอร์ไซด์ดำเนินชีวิตที่ผ่านมา เค้าลำบากแค่ไหนที่ต้องเปียกฝน หลบฝนใต้สะพานลอย ต้องเสี่ยงกับการประสบอุบัติเหตุในวันที่ถนนลื่น หรือเจอรถใหญ่ไล่เบียด ถ้าคุณรู้สึกได้เช่นนี้ แสดงว่าคุณเข้าใจความรู้สึกและเข้าใจความจำเป็นของลูกค้าที่จะมาซื้อรถยนต์จากคุณแล้ว หลายคนพลาดการปิดการขาย เพราะไม่สามารถทำให้ลูกค้ารับรู้ได้ว่าคุณเข้าใจและเห็นใจเค้า ดังนั้นทักษะแรกที่คุณต้องพัฒนาคือ ทักษะของความเข้าใจและเห็นใจในปัญหาของลูกค้า

2.ทักษะการหา Pain Pont ของลูกค้า ก็คือการหาแผลของลูกค้า ถ้าเปรียบเทียบการขายเป็นการรักษาของแพทย์ ก็คือการวินิจฉัยว่าคนไข้เป็นอะไร? วินิจฉัยว่าทำไมคนไข้จึงต้องได้รับการรักษา การที่คุณปิดการขายไม่ได้ ไม่ใช่เพราะคุณไม่รู้สินค้านะ แต่เพราะคุณไม่รู้แปลของลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น คุณต้องการจะไปซื้อกล้องตัวใหม่ เพื่อใช้ในการโปรดักชันของบริษัท คุณเข่าไปที่ห้างสรรพสินค้า และคุณก็เข้าไปที่ร้านขายกล้อง 3-4 ร้านที่อยู่ติดๆกัน คุณเข้าไปทุกร้านแต่ปรากฏว่าทุกร้านเหมือนกันเลยมีกล้องโชว์เยอะ และสามารถตอบคำถามและมีความรู้เกี่ยวกับกล้องแต่ละรุ่นแต่ละตัวได้เป็นอย่างดี แล้วอะไรคือปัญหาของพวกเค้า

ปัญหาของพวกเค้าคือ พวกเค้าไม่รู้จักคุณ เค้าไม่ถามคำถามกับคุณเลยว่า ทำไมคุณต้องใช้กล้องใหม่ คุณจะไปใช้งานอะไร กล้องตัวเดิมคุณใช้อะไรอยู่ ปัญหาที่เกิดจากกล้องตัวเดิมคืออะไร อะไรบ้างที่กล้องตัวเดิมยังไม่ตอบโจทย์ พวกเค้าไม่ได้ถามคุณเลย พวกเค้าเอาแต่ให้ข้อมูลของสินค้าของเค้าอย่างเดียว ถ้าใครท่านบทความนี้แล้วเป็นคนขายกล้องอยู่ไปบอกต่อๆกันด้วยว่าอยากแรกที่คุณต้องภามลูกค้าคือ ลูกค้าเอาไปใช้งานประเภทไหน ของเดิมที่ใช้คือกล้องอะไร ฯลฯ ทำความรู้จักกับลูกค้าของคุณในจุดที่เป็นปัจจุบัน แล้วถามถึงเป้าหมายความต้องการของลูกค้า แล้วคุณค่อยแนะนำลูกค้าในสิ่งที่ทำให้เค้าไปถึงเป้าหมาย ดังนั้นทักษะที่คุณต้องพัฒนาเป็นข้อที่ 2 คือ การหา Pain Pont ของลูกค้า คือหาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า

เรียนรู้ทักษะ 2 ทักษะที่ต้องเก่งเพื่อให้ยอดขายขึ้นแล้ว อย่าลืมติดตาม ทักษะข้อที่ 3 ที่สำคัญและขาดไม่ได้เลย ถ้าคุณอยากจะมียอดขายที่ดี ในบทความต่อเนื่องตอนที่ 2 กันล่ะ

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ มาร์เก็ตติ่ง 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook