ประเทศจีนจะไปทางไหน เมื่อเสี่ยงเข้าสู่สภาวะถดถอยด้านเศรษฐกิจ

ประเทศจีนจะไปทางไหน เมื่อเสี่ยงเข้าสู่สภาวะถดถอยด้านเศรษฐกิจ

ประเทศจีนเป็นประเทศที่ใหญ่และเป็นมหาอำนาจในทวีปเอเชียรวมถึงเป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจของทางฝั่งตะวันออกด้วย แต่ดูเหมือนว่าในปัจจุบันนี้ประเทศจีนจะต้องรับมือกับปัญหาทางด้านเศรษฐกิจเพราะว่าประเทศกำลังเข้าสู่สภาวะถดถอย

จากการรายงานตัวเลข Consumer Price Index (CPI) หรือว่าดัชนีผู้บริโภค ซึ่งตัวเลขนี้จะเป็นตัวเลขที่บ่งชี้ถึงราคาสินค้าและบริการในประเทศนั้นๆ โดยตัวเลขดัชนีผู้บริโภคนั้นจะเป็นตัวหนึ่งที่ช่วยบ่งบอกว่าประเทศมีอัตราเงินเฟ้อที่สูงหรือต่ำ สำหรับประเทศจีนการประกาศตัวเลขดัชนีผู้บริโภคประจำเดือนกรกฎาคมตัวเลขออกมาเป็น 0% ซึ่งนั่นก็หมายความว่าประเทศจีนไม่มีภาวะเงินเฟ้อ นอกจากจะไม่มีภาวะเงินเฟ้อแล้วยังสุ่มเสี่ยงที่จะติดลบด้วย

ภาพ Pexels/TonyNojmanSK

 แต่การไม่มีเงินเฟ้อเลยก็ไม่ใช่เรื่องดีเช่นเดียวกันถึงแม้ว่าสินค้าและบริการจะถูกลงแต่ในอีกนัยหนึ่งมันก็หมายความว่าประชากรภายในประเทศเริ่มจะเก็บเงินเข้ากระเป๋าและไม่มีการออกมาจับจ่ายใช้สอยนั่นเองทำให้เศรษฐกิจนั้นเกิดการหยุดชะงักตัว รวมไปถึงอัตราการจ้างงานก็ลดลงด้วยเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ทำให้ประเทศจีนจำเป็นที่จะต้องเพิ่มเงินเข้าไปในระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเหมือนกับที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทำเมื่อช่วงโควิดที่ผ่านมา

ในตอนนี้เรียกว่าภาพของประเทศจีนตรงข้ามกับประเทศสหรัฐที่พยายามจะลดเงินเฟ้อโดยการเพิ่มอัตราดอกเบี้ย

มาตรการสู้เศรษฐกิจถดถอย ภาคส่วนไหนจะได้ประโยชน์

ตอนนี้ประเทศจีนเริ่มที่จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วและจะมีความคืบหน้าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ อย่างหนึ่งเราสามารถเห็นได้ชัดเลยก็คือธนาคารในประเทศจีนเริ่มมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และในอีกไม่ช้าธนาคารกลางก็คงจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงด้วย เพื่อหนุนให้คนลงทุนเพิ่มมากขึ้น

ภาพ wallpapers.com

นอกจากนี้ประเทศจีนอาจจะมีการกระตุ้นบางภาคส่วนธุรกิจในประเทศ โดยเฉพาะกับเทรนด์ที่กำลังมาแรงอย่าง AI และบริษัทเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น Tencent หรือ Alibaba 2 บริษัทนี้เป็นบริษัทที่เป็นที่รู้จักในประเทศจีนและทั่วโลก และอาจจะเป็นธุรกิจหลักที่จะผลักดันให้ประเทศจีนสามารถก้าวข้ามเศรษฐกิจถดถอยในคราวนี้ไปได้ ในภาคส่วนอื่นๆ ก็คงต้องติดตามว่ารัฐบาลจะช่วยเหลือภาคส่วนใดบ้าง

ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นผลบวกต่อการลงทุน เมื่อรัฐบาลจีนเริ่มนำเงินเข้าไปช่วยเหลือภาคส่วนใดภาคส่วนหนึ่งนั่นก็หมายความว่ารัฐบาลเห็นความสำคัญในภาคส่วนนั้นๆ ซึ่งมันจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่จะช่วยให้ธุรกิจมีการเติบโต การเข้าไปลงทุนในภาคส่วนเดียวกับที่รัฐบาลจีนเข้าไปช่วยเหลือก็อาจจะทำให้ได้กำไรกลับมาแต่ก็ต้องควบคุมความเสี่ยงไว้ด้วยเช่นเดียวกัน ตอนนี้สำหรับหุ้นบริษัทเทคโนโลยีก็เริ่มมีการปรับตัวขึ้นแล้ว

สำหรับใครที่ลงทุนในของประเทศจีน หรือกำลังพิจารณาเพื่อเข้าไปลงทุนก็ควรติดตามข่าวของประเทศจีนอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะเลือกสินทรัพย์ที่จะลงทุนได้อย่างถูกต้อง

ข้อมูลจาก investing.com ,

เงินเฟ้อของจีนยังคงดำเนินต่อไป ความกลัวภาวะเงินฝืดทวีความรุนแรง investing.com

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ เศรษฐกิจโลก  
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook 

จีนเปิดตัวแอป E-CNY

E-CNY

จีนเปิดตัวแอป E-CNY ระบบ iOS และ Android

นับตั้งแต่คริปโตเคอเรนซี่กลายเป็นที่นิยมและถูกพูดถึงไปทั่วโลกประเทศหลายๆประเทศก็ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้บางประเทศเห็นด้วยบางประเทศไม่เห็นด้วยไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการใช้งานหรือการประกอบธุรกิจ หนึ่งในประเทศที่แสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจนมากที่สุดก็คือประเทศจีน

ประเทศจีนเป็นประเทศที่กระแสเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซี่ไม่ดี รัฐบาลออกมาสั่งห้ามทำธุรกิจเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซี่  เนื่องจากกลัวมีปัญหาในเรื่องของการเงินเสถียรภาพในการควบคุมเงินนั่นเอง หลังจากสั่งระงับไม่ให้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซี่โดยทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการขุดเหมือง การประกอบกิจการประเภทศูนย์ซื้อขายแลกเปลี่ยน ทางรัฐบาลของประเทศจีนก็พยายามที่จะผลักดันระบบการเงินดิจิตอลของตัวเองขึ้นมาซึ่งนั่นก็คือ CBDC 

CBDC หรือว่า Digital Yuan ในประเทศจีนเป็นที่ถูกพูดถึงมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วและก็เริ่มมีการใช้ทดลองใช้จริงแล้วในปัจจุบันนี้ โดยประเทศจีนได้มีการพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับการใช้งาน CBDC ในชื่อแอปพลิเคชัน “E-CNY”  ซึ่งมีให้ดาวน์โหลดทั้งในระบบปฏิบัติการ Android และระบบปฏิบัติการ iOS แอพพลิเคชั่นดังกล่าวได้ถูกจัดทำโดยสถาบันสกุลเงินดิจิทัลของ PBoC (ธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน)  ซึ่งพื้นที่ที่มีการทดลองใช้งานแอพพลิเคชั่นดังกล่าวก็คือ  เซินเจิ้น, ฉางซา, เซี่ยงไฮ้, เซียงอัน, ไห่หนาน, ซีอาน, เฉิงตู,  ซูโจว, ต้าเหลียน, ชิงเต่า และ พื้นที่จัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว

โดย E-CNY จะใช้เป็นกระเป๋าตังค์ส่วนตัวในการเก็บเงิน Digital Yuan ใช้ในการแลกเปลี่ยนเงินตรา  ซึ่งถ้าหากประสบความสำเร็จในการทดลองใช้งานก็คงมีการขยายพื้นที่ในการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนเลยทีเดียว 

จากประเทศจีนแล้วประเทศไทยก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้มีการพูดถึง CBDC เมื่อช่วงปีที่ผ่านมาและจะมีการเริ่มต้นพัฒนาและอาจจะมีการใช้งานกันในปีนี้ ซึ่งการมาถึงของ CBDC  ในประเทศไทยก็มีเหตุผลมาจากการที่ในประเทศเริ่มมีความนิยมของคริปโตเคอเรนซี่มากขึ้นและธุรกิจหลายๆธุรกิจเริ่มหันมารับเงินคริปโตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีการออกมาเตือนว่าไม่ควรนำไปใช้งานก็ตามที นอกจากนี้เรื่องความเคลื่อนไหวของ CBDC ในประเทศไทย กรมสรรพากรของประเทศไทยก็เริ่มจริงจังในเรื่องการออกกฎระเบียบในการเก็บภาษีเงินได้จากการแลกเปลี่ยนซื้อขายคริปโตเคอเรนซี่อีกด้วย 

ก็ต้องมาติดตามดูว่าอนาคตของคริปโตเคอเรนซี่ในประเทศไทยจะเป็นอย่างไรและ CBDC ที่จะมาในรูปแบบ Baht Digital จะสามารถถูกนำมาใช้งานได้จริงหรือไม่ และจะมีการนำร่องในพื้นที่โดยก่อนในส่วนนี้ก็คงต้องมาติดตามดูกันต่อไป

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก Bitcoin Addict Thailand

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ GUรู็ การเงิน 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

Evergrande Crisis กระทบเศรษฐกิจโลก

Evergrande Crisis

บริษัท Evergrande Group เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศจีนที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2539

เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกันยายนที่ผ่านมาในโลกของเศรษฐกิจและการลงทุนพวกเราคงจะได้เห็นการปรับตัวลงของตลาดอย่างรุนแรงไม่ว่าจะเป็นหุ้นดัชนีหรือว่าคริปโต ซึ่งทั้งหมดน่าจะมีเหตุผลมาจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีน

ตอนนี้กำลังเป็นที่พูดถึงสำหรับแวดวงข่าวเศรษฐกิจเลยก็ว่าได้สำหรับบริษัท Evergrande Group ที่กำลังเป็นหนี้ก้อนโตและเสี่ยงต่อการล้มละลายโดยบริษัท Evergrande Group เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศจีนที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2539 และได้มีโครงการจำนวนมาก รวมถึงผู้ที่เข้าไปลงทุนก็มีจำนวนมากเช่นเดียวกัน แต่ว่าบริษัทนี้ก็เป็นหนี้อยู่เป็นจำนวนมหาศาลโดยคิดเป็นจำนวนได้มากถึง 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่มหาศาลมากบวกกับตอนนี้ประเทศจีนกำลังมีมาตรการเกี่ยวกับในเรื่องของการกู้ยืมทำให้ตอนนี้ทางบริษัท Evergrande Group ประสบกับปัญหาทั้งภายในและภายนอกเลยทีเดียว ซึ่งทางบริษัทก็กำลังหาวิธีในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยประธานของบริษัทก็มีความมั่นใจว่า Evergrande Group จะผ่านพ้นวิกฤตดังกล่าวไปได้แล้วจะดำเนินการทุกอย่างให้เรียบร้อยไม่ว่าจะเป็นการส่งมอบโครงการ แสดงความรับผิดชอบต่อผู้ซื้อหุ้น นักลงทุนและผู้ถือหุ้นทั้งหมด

และจากปัญหาการเป็นหนี้สินดังกล่าวทำให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสภาพเศรษฐกิจโลก ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นสหรัฐ ตลาดหุ้นจีน รวมไปถึงคริปโตเคอเรนซี่ด้วย และถึงแม้ว่าในตลาดเงินดิจิตอลนั้นจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัญหาดังกล่าวมากนักแต่นักลงทุนส่วนใหญ่ก็มีความหวาดกลัวทำให้ราคาของเหรียญส่วนใหญ่มีการปรับตัวลงอย่างรุนแรงนั่นเอง ซึ่ง Stable Coin ที่เป็นเหรียญที่มีราคาอ้างอิงตามเงินสกุลต่างๆ ของโลกตัวอย่างเช่น USDT ก็ติดผลพวงปัญหานี้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยทางบริษัทที่พัฒนาเหรียญดังกล่าวนั้นได้มีการลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้นซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการลงทุนกับบริษัท Evergrande Group นั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามด้วยความเป็น Stable Coin ทำให้ราคานั้นไม่ลดลงรุนแรงมากนัก แต่ที่สำคัญเลยก็คือการทำให้สภาพคล่องของตลาดเงินดิจิตอลนั้นลดลงนั่นเอง

สิ่งที่น่าสนใจเลยก็คือทางประเทศจีนนั้นจะเข้ามาช่วยในเรื่องปัญหาดังกล่าวนี้อย่างไร บริษัทEvergrande Group จะผ่านพ้นวิกฤตนี้โดยไม่ล้มละลายได้หรือไม่ และที่สำคัญเลยก็คือจะส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศและภายนอกประเทศและตลาดการลงทุนในระยะยาวหรือระยะสั้นก็คงต้องมาติดตามข่าวกันต่อไป 

ภาพจาก Pixabay

ข้อมูลจาก อีไฟแนนซ์ไทย , โพสต์ทูเดย์ , The Standard

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ เศรษฐกิจโลก 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

หุ้นบริษัท Tencent ร่วงหลังสื่อจีนโจมตีการเล่นเกม

Tencent

แม้ว่าในปัจจุบันนี้การเล่นเกมนั้นจะไม่ได้ถูกมองในแง่ร้ายเหมือนกับในอดีตแล้วก็ตามที ซึ่งเราก็สามารถเห็นได้จากการที่วงการแข่งขันเกมหรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า E-sport นั้นเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ไปทั่วทุกมุมโลกและในหลาย ๆ การแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติก็บรรจุกีฬา E-sport นั้นเข้าเป็นหนึ่งในชนิดกีฬาที่ต้องทำการแข่งขันกันอีกด้วย ซึ่งนักกีฬา E-sport หลาย ๆ คนก็ประสบความสำเร็จและสามารถเลี้ยงชีพของตนเองได้ นอกจากการแข่งขันทางด้าน E-sport แล้วการเล่นเกมงั้นก็ยังสามารถสร้างรายได้ผ่านการทำคลิปวิดีโอในรูปแบบ Streaming หรือที่เรารู้จักกันในอาชีพของสตรีมเมอร์นั่นเอง รวมไปถึงการทำคลิปลงแพลตฟอร์มต่างๆ อย่าง YouTube ด้วยในส่วนนี้ก็สามารถสร้างรายได้ ได้ด้วยเช่นเดียวกัน แต่มีมุมมองแง่ดีก็ต้องมีมุมมองในแง่ไม่ดีด้วยเช่นเดียวกัน

ประเทศจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตทางด้านอุตสาหกรรมเกมอย่างก้าวกระโดดโดยเฉพาะการแข่งขันทางด้าน E-sport นั้นถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศชั้นนำของโลกเลยก็ว่าได้ นอกจาก E-sport แล้วประเทศจีนยังมีบริษัทเกมที่ยิ่งใหญ่อย่าง Tencent อีกด้วย ซึ่งเกมที่อยู่ในการดูแลของบริษัทนั้นก็มีมากมาย มีให้เล่นทั้งในประเทศและต่างประเทศเลยทีเดียว แต่การเล่นเกมก็เหมือนกับการเล่นสื่อสังคมออนไลน์มันสามารถเข้าถึงทุกเพศทุกวัย ถึงแม้ว่าจะมีการลงทะเบียนก่อนก็ตามทีแต่ว่าการเข้าถึงทุกเพศทุกวัยนั้นก็ทำให้มันสามารถเข้าถึงเยาวชนได้อย่างง่ายดายด้วยเช่นเดียวกันซึ่งก็ทำให้เกิดปัญหาเด็กติดเกมขึ้นมาในประเทศ

ล่าสุดสื่อของรัฐบาลจีนที่มีชื่อว่า Economic Information Daily ได้ออกมาโจมตีว่าการเล่นเกมนั้นเปรียบเหมือนสารเสพติดที่ทำร้ายคนภายในประเทศ หลังจากที่บทความนี้ถูกเผยแพร่ออกมาก็ทำให้หุ้นของบริษัท Tencent ร่วงลงมาถึง 9% เลยทีเดียว และบริษัท Netease ซึ่งเป็นอีกหนึ่งยักษ์ใหญ่ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเกมหุ้นก็ร่วงลงมาถึง 13% เช่นเดียวกัน และสื่อก็บอกอีกด้วยว่ามีผู้เล่นชาวจีนที่เป็นเยาวชนนั้นเล่นเกม Honor of King มากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน

ถึงแม้ว่าตอนนี้ในประเทศจีนจะมีการกำหนดอายุสำหรับผู้เล่นเกม โดยกำหนดให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีไม่สามารถเล่นเกมเกินเวลา 22:00 น ได้และทางบริษัท Tencent ก็ได้เริ่มพัฒนาระบบตรวจจับใบหน้าสำหรับผู้ที่เล่นเกมตอนกลางคืนด้วยเพราะว่าถึงแม้ว่าจะมีกฎหมายควบคุมแต่กลุ่มวัยรุ่นในประเทศจีนก็มักจะใช้บัตรประชาชนของผู้ปกครองในการลงทะเบียนเล่นเกมดังนั้นการตรวจจับใบหน้าจะช่วยลดปัญหาเด็กติดเกมได้

ภาพจาก Pixels

ข้อมูลจาก Brandinside , Gamingdose

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ GUรู็ การเงิน 
เวปไซด์ mee-money.com