ประกันออมทรัพย์…การออมเงินแห่งความหวังช่วงโควิด

ประกันออมทรัพย์…การออมเงินแห่งความหวังช่วงโควิด

               การออมเงินในปัจจุบันที่เน้นงอกเงยอย่างงดงามมากที่สุด หลายคนคงนึกถึงการลงทุน ไม่ว่าจะลงทุนซื้อสลากออมสินบ้าง ลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์บ้าง แต่ใครจะรู้ว่าการทำประกันออมทรัพย์ก็เป็นสิ่งที่ช่วยในด้านการลงทุนได้เป็นอย่างดี เพราะเหมือนกับเราได้เก็บเงินออมไปในตัว ซึ่งผู้เขียนมองว่านอกจากประกันโรคโควิดแล้ว ควรซื้อประกันออมทรัพย์ควบคู่ด้วย เพื่อในอนาคตข้างหน้าเมื่อกรมธรรม์สิ้นสุด สามารถรับเงินประกันคืนแล้วต่อกรมธรรม์ต่อได้ทันที ในบทความนี้ผู้เขียนจะมานำเสนอว่าในช่วงโควิดทำไมเราควรทำประกันออมทรัพย์ควบคู่ด้วย

               ประกันออมทรัพย์ก็เปรียบเสมือนประกันแห่งความหวัง เนื่องจากในยุคนี้ที่ประเทศไทยไม่สามารถตอบโจทย์ด้านการออมเงินมากเท่าที่ควร การออมเงินแบบปกติจึงเหมือนแค่ผ่านไปวันต่อวันมากกว่า ถ้าทำประกันออมทรัพย์ด้วย จะเป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่งที่ค่อนข้างจะปลอดภัย เบี้ยประกันรายงวดถูกลง แต่ต้องอ่านรายละเอียดกรมธรรม์ครบทุกขั้นตอน ทั้งผลประโยชน์ระหว่างสัญญา สิทธิ์ลดหย่อนภาษีตามกฎหมายได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี

แต่รูปแบบของข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการประกันชีวิตของแต่ละบริษัท ควรศึกษาอย่างรัดกุมมากๆ เพื่อสะดวก รวดเร็ว ราบรื่น เราสามารถทำกรมธรรม์ต่อตัวแทนประกันชีวิต เพื่อซื้อสัญญาด้วยการตัดสินใจของตัวผู้ซื้อเอง อาจจะซื้อเพิ่มเติมโดยไม่ต้องยัดเยียดว่าของใครดีกว่า เพื่อให้บริษัทสามารถมอบลักษณะของความคุ้มครอง ไม่ว่าจะด้านการรักษาพยาบาล คุ้มครองเพื่อทรงชีพ คุ้มครองเพื่อการมรณะ หรือช่วยคุ้มครองในด้านอื่นๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความสบายใจ ความอุ่นใจให้แก่ตัวเราและคุณเองยิ่งขึ้น ซึ่งถ้ามีตัวเลือกคอยดูแลจะทำให้คุณลดความวิตกกังวล เนื่องจากมีตัวเลือกเดียวในการออมเงินได้

               ประกันออมทรัพย์มีอยู่ 2 ประเภทที่มีในแต่ละบริษัทประกันชีวิต เช่น ประกันออมทรัพย์แบบไม่มีเงินปันผล กับประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผล จะว่าไปการลงทุนในประกันออมทรัพย์ไม่ว่าแบบไหนก็ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดในเรื่องความเป็นไปได้ จะว่าไป…ประกันออมทรัพย์ก็ช่วยให้เรามีเงินก้อนของตนเองไว้ในอนาคตอีกด้วย

               ถ้ามองดีๆ จะรู้เลยว่าการทำประกันออมทรัพย์มีประโยชน์กว่าที่คิด จะเห็นได้ว่าในหลายๆ คนที่อยู่ในช่วงวิกฤตโควิดไม่ว่าจะในระลอกไหนก็ตาม คนที่มีประกันชีวิตประเภทออมทรัพย์จะประคับประคองตัวเองได้มากกว่า ซึ่งคนกลุ่มนี้จะวางแผนตั้งแต่เริ่ม เพื่ออนาคตของตนเอง และลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายกว่า (จะมองว่าคนไม่ทำประกันออมทรัพย์เป็นเรื่องผิดเสมอไปหรอกนะ) แต่ในมุมมองของผู้เขียน ไม่ว่าจะยากดีมีจน ตอนนี้ควรทำไว้เถอะนะ…ขอร้องล่ะ

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ เศรษฐกิจโลก  
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook 

อยากใช้เงินตามใจฉัน ไม่กังวล…จะออมเงินยังไงดี

อยากใช้เงินตามใจฉัน ไม่กังวล...จะออมเงินยังไงดี

                อิสระทางการเงินคือสิ่งที่ใครๆ หลายคน ไม่ว่าจะฐานะทางการเงินเป็นแบบไหนก็ตาม เราก็อยากเก็บเงินสักก้อนเพื่อที่ตนเองจะได้ใช้ชีวิต มากกว่าที่จะมานั่งทำงานเพื่อเงิน แต่เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะให้เงินทำงานอย่างไร เพื่อที่ตนเองจะได้มีอิสระในการใช้ชีวิตของตนเองได้อย่างไร้กังวล สามารถตามใจฉันได้โดยไม่ต้องกลัวว่า เงินจะไม่พอ หรือต้องมาพะวงหน้าพะวงหลังเรื่องครอบครัว ในบทความนี้จะมาแนะนำว่าเราจะมีอิสระทางการเงินจากการออมเงินได้อย่างไร

                อิสรภาพทางการเงินหมายความว่า คุณสามารถตัดสินใจในชีวิตได้โดยไม่ต้องเครียดกับผลกระทบทางการเงินมากเกินไปเพราะคุณเตรียมพร้อมแล้ว คุณควบคุมการเงินของคุณแทนที่จะถูกควบคุมโดยพวกเขา เส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงินไม่ใช่กลยุทธ์รวยทันใจ และอิสรภาพทางการเงินไม่ได้หมายความว่าคุณจะ “เป็นอิสระ” จากความรับผิดชอบในการจัดการเงินของคุณได้ดี ค่อนข้างตรงกันข้าม การมีอำนาจควบคุมการเงินของคุณได้อย่างสมบูรณ์ คือผลของการทำงานหนักการเสียสละและเวลา และความพยายามทั้งหมดนั้นคุ้มค่า ซึ่งจะวางแผนการออมได้ดังนี้

  • คุณอยากอยู่ที่ไหนใน 10 ปีข้างหน้าของคุณ? เริ่มต้นด้วยจุดนั้นซึ่งเป็นจุดที่คุณกำหนดเองไว้ในใจ งานนี้เหมาะสมกับเป้าหมายโดยรวมของคุณหรือไม่?
  • ถามตัวเองว่าคุณมีศักยภาพในการหารายได้หรือไม่? แม้ว่าคุณจะไม่ได้เงินเดือนในฝันตั้งแต่เริ่มต้น แต่ให้แน่ใจว่ามีโอกาสที่รายได้ของคุณจะเพิ่มขึ้นเมื่อมูลค่าของคุณเพิ่มขึ้น
  • สามารถลงมือทำในเรื่องการออมเงินได้ไหม? มีโอกาสที่คุณจะก้าวขึ้นและเติบโตทั้งในด้านส่วนตัวและด้านอาชีพหรือไม่? ถ้ายังไม่แน่ใจควรรีบศึกษา หรือหาข้อมูลเรื่องการลงทุน
  • คุณสนุกกับงานหรือไม่? อย่าใช้อาชีพในงานที่คุณเกลียด ค้นหาสิ่งที่คุณหลงใหล ควรใช้งานที่ตนชอบซึ่งช่วยให้คุณใช้ของขวัญและทักษะของคุณได้ (เอาง่ายๆ คืออยู่ให้ถนัดและใช่สำหรับตน)
  • ผลประโยชน์ช่วยสนับสนุนเป้าหมายของอิสรภาพทางการเงินหรือไม่? ตัวเลือกสำหรับการออมเพื่อการเกษียณอายุและประกันสุขภาพ อาจส่งผลต่อความสามารถในการสร้างความมั่งคั่งของคุณอย่างมาก

                อิสรภาพทางการเงินเป็นมากกว่าการออมเงินกว่าที่คิดเสียอีก เพียงแต่ความรอบคอบในการออมเงินนั้นสามารถในการครอบคลุมเหตุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด เช่น การซ่อมแซมรถยนต์ โดยไม่ทำนให้เหงื่อแตกตอนตัวเองจนแต้ม ความสนุกเริ่มขึ้นเมื่อคุณตระหนักว่า คุณสามารถตอบสนองความต้องการของผู้อื่นได้เช่นกัน ไม่ว่าจะแชร์ประสบการณ์ด้านการออมเงิน การลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำ ความคุ้มค่าในการออมเงินเพื่อลำดับความสำคัญ นอกจากนี้ถ้าเรารอบคอบในการออมเงินมากขึ้น เราแทบไม่ต้องกังวลเลยว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่มีจะขาดมือเลย

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ เศรษฐกิจโลก 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

ออมเงินแบบ 50/30/20 เหมาะกับสังคมไทยอย่างไรบ้าง

ออมเงินแบบ 50/30/20 เหมาะกับสังคมไทยอย่างไรบ้าง

                ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าการออมเงิน เป็นอะไรที่ยากลำบากมากสำหรับคนที่อยู่ในช่วง COVID-19 เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้อย่างไร แต่เราก็ต้องอยู่อย่างมีความหวังจริงไหม การออมเงินเรียกได้ว่า ณ ตอนนี้ทำอะไรได้ทำไปก่อน อาจจะหยอดกระปุกออมสินบ้าง อาจไปฝากเงินเข้าธนาคาร หรืออาจฝากเงินจากการได้รับเงินก้อนโตจากครอบครัว ซึ่งเราเองก็ไม่อยากให้เงินเหล่านั้นขาดมือหรือหายไป เอาล่ะในบทความนี้จะมาแนะนำสูตรการออมเงินแบบ 50/30/20 ซึ่งเป็นสูตรเก็บเงินที่เรียกได้ว่าดีมากๆ เลยล่ะ ซึ่งจะอธิบายสูตรการออมเงินได้ดังนี้

                การออมเงินแบบ 50/30/20 จะไม่ค่อยต่างจากการออมเงินสูตร ออม 1 ส่วน ใช้ 3 ส่วนนัก แต่สิ่งที่แตกต่างชัดเจนคือ 50/30/20 เป็นการออมเงินที่แบ่งตามร้อยละของเงินที่ได้นี่แหล่ะ สามารถคำนวณได้จากรายรับของตนเอง ไม่ว่าจะกลุ่มทำงานอาชีพอะไร แม้กระทั่งกลุ่มทำงานพาร์ทไทม์ ควรใช้สูตรนี้มากๆ ปกติแล้วตามวิธีการออมเงินแบบ 50/30/20 ซึ่งในต่างประเทศนิยมมาก แต่สามารถใช้ในประเทศไทยได้ ถ้าจะใช้สูตร 50/30/20 ต้องอ้างอิงจากเงินที่ตนมี จะกี่บาทก็ได้ และวางแผนการออมว่าออมเพื่ออะไร จะได้สัดส่วนที่ชัดเจนกว่าการออมแบบอื่นค่อนข้างมากเลยทีเดียว

  • ควรสำรองงบประมาณไว้ 50% สำหรับสิ่งจำเป็น เช่น ค่าเช่า งวดรถรายเดือน อาหาร เสื้อผ้า ยารักษาโรค ค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ไม่ว่าจะค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์
  • 30% สำหรับการใช้จ่ายตามดุลยพินิจและอย่างน้อยควรจะมีในสัดส่วนนี้ เช่น เงินสำรองค่ารักษาพยาบาล เงินเดือนส่งให้พ่อแม่ที่บ้าน
  • 20% สำหรับการออม อันนี้ไม่ควรแตะต้องด้วยประการทั้งปวง เพราะไม่อย่างนั้นเป้าหมายจะเสียทันที แล้วเราต้องมานับหนึ่งใหม่ ซึ่งมันไม่ควรเป็นแบบนี้

                การออมเงินด้วยสูตรนี้ดูเหมือนง่ายพอ คุ้มค่าคุ้มเวลาในการจัดการด้านการเงิน และนี่เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้เริ่มต้นที่เพิ่งเริ่มจะฝึกคำนวณการใช้งบประมาณ สิ่งสำคัญคือต้องทำความคุ้นเคยกับการรู้ว่าเงินของคุณกำลังไปที่ใด โดยการแบ่งการเงินของคุณออกเป็นสามประเภทที่แตกต่างกัน ส่วนที่ดีที่สุดเกี่ยวกับระบบงบประมาณนี้คือคุณยังสามารถจัดงบประมาณเพื่อความสนุกสนานได้ เช่น เที่ยว ช็อปปิ้ง หรือปาร์ตี้ส่วนตัว ซึ่งเป็นผลมาจากการจัดการเป้าหมาย ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือการจัดการเงินของคุณอย่างเหมาะสมในขณะที่ใช้ชีวิตที่สะดวกสบาย สิ่งนี้เองจะทำให้เรามีแผนรับมือสำรองได้ดีกว่าการออมแบบออม 1 ส่วน ใช้ 3 ส่วนอย่างมาก

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ เศรษฐกิจโลก 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook

อยากใช้เงินตามใจฉัน ไม่กังวล…จะออมเงินยังไงดี

อยากใช้เงินตามใจฉัน ไม่กังวล...จะออมเงินยังไงดี

อิสระทางการเงินคือสิ่งที่ใครๆ หลายคน ไม่ว่าจะฐานะทางการเงินเป็นแบบไหนก็ตาม เราก็อยากเก็บเงินสักก้อนเพื่อที่ตนเองจะได้ใช้ชีวิต มากกว่าที่จะมานั่งทำงานเพื่อเงิน แต่เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะให้เงินทำงานอย่างไร เพื่อที่ตนเองจะได้มีอิสระในการใช้ชีวิตของตนเองได้อย่างไร้กังวล สามารถตามใจฉันได้โดยไม่ต้องกลัวว่า เงินจะไม่พอ หรือต้องมาพะวงหน้าพะวงหลังเรื่องครอบครัว ในบทความนี้จะมาแนะนำว่าเราจะมีอิสระทางการเงินจากการออมเงินได้อย่างไร

อิสรภาพทางการเงินหมายความว่า คุณสามารถตัดสินใจในชีวิตได้โดยไม่ต้องเครียดกับผลกระทบทางการเงินมากเกินไปเพราะคุณเตรียมพร้อมแล้ว คุณควบคุมการเงินของคุณแทนที่จะถูกควบคุมโดยพวกเขา เส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงินไม่ใช่กลยุทธ์รวยทันใจ และอิสรภาพทางการเงินไม่ได้หมายความว่าคุณจะ “เป็นอิสระ” จากความรับผิดชอบในการจัดการเงินของคุณได้ดี ค่อนข้างตรงกันข้าม การมีอำนาจควบคุมการเงินของคุณได้อย่างสมบูรณ์ คือผลของการทำงานหนักการเสียสละและเวลา และความพยายามทั้งหมดนั้นคุ้มค่า ซึ่งจะวางแผนการออมได้ดังนี้

คุณอยากอยู่ที่ไหนใน 10 ปีข้างหน้าของคุณ? เริ่มต้นด้วยจุดนั้นซึ่งเป็นจุดที่คุณกำหนดเองไว้ในใจ งานนี้เหมาะสมกับเป้าหมายโดยรวมของคุณหรือไม่?

ถามตัวเองว่าคุณมีศักยภาพในการหารายได้หรือไม่? แม้ว่าคุณจะไม่ได้เงินเดือนในฝันตั้งแต่เริ่มต้น แต่ให้แน่ใจว่ามีโอกาสที่รายได้ของคุณจะเพิ่มขึ้นเมื่อมูลค่าของคุณเพิ่มขึ้น

สามารถลงมือทำในเรื่องการออมเงินได้ไหม? มีโอกาสที่คุณจะก้าวขึ้นและเติบโตทั้งในด้านส่วนตัวและด้านอาชีพหรือไม่? ถ้ายังไม่แน่ใจควรรีบศึกษา หรือหาข้อมูลเรื่องการลงทุน

คุณสนุกกับงานหรือไม่? อย่าใช้อาชีพในงานที่คุณเกลียด ค้นหาสิ่งที่คุณหลงใหล ควรใช้งานที่ตนชอบซึ่งช่วยให้คุณใช้ของขวัญและทักษะของคุณได้ (เอาง่ายๆ คืออยู่ให้ถนัดและใช่สำหรับตน)

ผลประโยชน์ช่วยสนับสนุนเป้าหมายของอิสรภาพทางการเงินหรือไม่? ตัวเลือกสำหรับการออมเพื่อการเกษียณอายุและประกันสุขภาพ อาจส่งผลต่อความสามารถในการสร้างความมั่งคั่งของคุณอย่างมาก

อิสรภาพทางการเงินเป็นมากกว่าการออมเงินกว่าที่คิดเสียอีก เพียงแต่ความรอบคอบในการออมเงินนั้นสามารถในการครอบคลุมเหตุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด เช่น การซ่อมแซมรถยนต์ โดยไม่ทำให้เหงื่อแตกตอนตัวเองจนแต้ม ความสนุกเริ่มขึ้นเมื่อคุณตระหนักว่า คุณสามารถตอบสนองความต้องการของผู้อื่นได้เช่นกัน ไม่ว่าจะแชร์ประสบการณ์ด้านการออมเงิน การลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำ ความคุ้มค่าในการออมเงินเพื่อลำดับความสำคัญ นอกจากนี้ถ้าเรารอบคอบในการออมเงินมากขึ้น เราแทบไม่ต้องกังวลเลยว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่มีจะขาดมือเลย

#ธุรกิจ #การออมเงิน #การเงิน #GUรู็ การเงิน  #mee-money.com

ออมเงินแบบ 50/30/20 เหมาะกับสังคมไทยอย่างไรบ้าง

ออมเงิน

ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าการออมเงิน เป็นอะไรที่ยากลำบากมากสำหรับคนที่อยู่ในช่วง COVID-19 เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้อย่างไร แต่เราก็ต้องอยู่อย่างมีความหวังจริงไหม การออมเงินเรียกได้ว่า ณ ตอนนี้ทำอะไรได้ทำไปก่อน อาจจะหยอดกระปุกออมสินบ้าง อาจไปฝากเงินเข้าธนาคาร หรืออาจฝากเงินจากการได้รับเงินก้อนโตจากครอบครัว ซึ่งเราเองก็ไม่อยากให้เงินเหล่านั้นขาดมือหรือหายไป เอาล่ะในบทความนี้จะมาแนะนำสูตรการออมเงินแบบ 50/30/20 ซึ่งเป็นสูตรเก็บเงินที่เรียกได้ว่าดีมากๆ เลยล่ะ ซึ่งจะอธิบายสูตรการออมเงินได้ดังนี้

การออมเงินแบบ 50/30/20 จะไม่ค่อยต่างจากการออมเงินสูตร ออม 1 ส่วน ใช้ 3 ส่วนนัก แต่สิ่งที่แตกต่างชัดเจนคือ 50/30/20 เป็นการออมเงินที่แบ่งตามร้อยละของเงินที่ได้นี่แหล่ะ สามารถคำนวณได้จากรายรับของตนเอง ไม่ว่าจะกลุ่มทำงานอาชีพอะไร แม้กระทั่งกลุ่มทำงานพาร์ทไทม์ ควรใช้สูตรนี้มากๆ ปกติแล้วตามวิธีการออมเงินแบบ 50/30/20 ซึ่งในต่างประเทศนิยมมาก แต่สามารถใช้ในประเทศไทยได้ ถ้าจะใช้สูตร 50/30/20 ต้องอ้างอิงจากเงินที่ตนมี จะกี่บาทก็ได้ และวางแผนการออมว่าออมเพื่ออะไร จะได้สัดส่วนที่ชัดเจนกว่าการออมแบบอื่นค่อนข้างมากเลยทีเดียว

  • ควรสำรองงบประมาณไว้ 50% สำหรับสิ่งจำเป็น เช่น ค่าเช่า งวดรถรายเดือน อาหาร เสื้อผ้า ยารักษาโรค ค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ไม่ว่าจะค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ 
  • 30% สำหรับการใช้จ่ายตามดุลยพินิจและอย่างน้อยควรจะมีในสัดส่วนนี้ เช่น เงินสำรองค่ารักษาพยาบาล เงินเดือนส่งให้พ่อแม่ที่บ้าน
  • 20% สำหรับการออม อันนี้ไม่ควรแตะต้องด้วยประการทั้งปวง เพราะไม่อย่างนั้นเป้าหมายจะเสียทันที แล้วเราต้องมานับหนึ่งใหม่ ซึ่งมันไม่ควรเป็นแบบนี้

การออมเงินด้วยสูตรนี้ดูเหมือนง่ายพอ คุ้มค่าคุ้มเวลาในการจัดการด้านการเงิน และนี่เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้เริ่มต้นที่เพิ่งเริ่มจะฝึกคำนวณการใช้งบประมาณ สิ่งสำคัญคือต้องทำความคุ้นเคยกับการรู้ว่าเงินของคุณกำลังไปที่ใด โดยการแบ่งการเงินของคุณออกเป็นสามประเภทที่แตกต่างกัน ส่วนที่ดีที่สุดเกี่ยวกับระบบงบประมาณนี้คือคุณยังสามารถจัดงบประมาณเพื่อความสนุกสนานได้ เช่น เที่ยว ช็อปปิ้ง หรือปาร์ตี้ส่วนตัว ซึ่งเป็นผลมาจากการจัดการเป้าหมาย ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือการจัดการเงินของคุณอย่างเหมาะสมในขณะที่ใช้ชีวิตที่สะดวกสบาย สิ่งนี้เองจะทำให้เรามีแผนรับมือสำรองได้ดีกว่าการออมแบบออม 1 ส่วน ใช้ 3 ส่วนอย่างมาก

#ธุรกิจ #การออมเงิน #การเงิน #การลงทุน #GUรู็ การเงิน  #mee-money.com

อันไหนดีกว่า…ระหว่างออมทรัพย์กับการลงทุน

ออมทรัพย์กับการลงทุน

การออมเงินในปัจจุบันมีได้หลายช่องทางมากเลยทีเดียว ไม่ว่าคุณจะทำงานเกี่ยวกับการเงินมาหลายปีหรือเพิ่งเริ่มต้น ก็อาจเป็นเรื่องยากที่จะทราบว่าเมื่อใดที่คุณควรออมและควรลงทุนเมื่อใด การออมเป็นเส้นทางทางการเงินที่ปลอดภัยกว่า เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วจำนวนเงินที่มีในบัญชีธนาคารของคุณจะไม่ลดลง เว้นแต่คุณจะถอนเงินหรือเอาไปจ่ายสินค้าและบริการผ่านแอปธนาคารหรือบัตรเครดิต แต่อัตราดอกเบี้ยในบัญชีออมทรัพย์จะไม่ค่อยให้เงินของคุณเติบโตอย่างรวดเร็วนัก น่าเสียดายที่อัตราดอกเบี้ยมักจะต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งหมายความว่าเงินออมของคุณอาจสูญเสียกำลังซื้อเมื่อเวลาผ่านไปหลายๆ ปี และสถานการณ์ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลง

หลายคนสับสนกันมากระหว่างออมทรัพย์กับการลงทุน มักจะเข้าใจว่าเป็นเรื่องเดียวกัน แต่จริงๆ แล้ว ออมทรัพย์กับลงทุนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งนักลงทุนมือใหม่หลายคนไม่เข้าใจว่าการออมเงินเพื่อการออมทรัพย์ กับการลงทุนเงินเป็นสิ่งที่แตกต่างกันที่เป้าหมายของการออม รวมถึงผลตอบแทน ความเสี่ยงของสองอย่างนี่แหล่ะ พวกเขามีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันและมีบทบาทที่แตกต่างกันในกลยุทธ์ทางการเงินและงบดุลของคุณ  ซึ่งจะต้องศึกษาค้นคว้าข้อมูลให้แน่ใจว่าคุณมีความชัดเจนในแนวคิดพื้นฐานนี้ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นการเดินทางไปสู่การสร้างความมั่งคั่ง และการค้นหาความเป็นอิสระทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญเพราะสามารถช่วยคุณจากความเสียใจและความเครียดได้มากมาย (เพราะไม่มีใครอยากกังวลเรื่องเงินไปตลอดชีวิต) ในกรณีที่เป็นการลงทุน คุณยังสามารถรับความเสี่ยงได้มากพอที่จะสูญเสีย (ถ้าได้มาซึ่งความคุ้มค่า เช่น สินทรัพย์การลงทุนที่ให้เงินหมุนเวียน) ได้ แม้จะมีพอร์ตการลงทุนที่ยอดเยี่ยม เพราะคุณไม่เห็นคุณค่าของเงินสดในพอร์ตการลงทุนของคุณ เงินสดสมควรได้รับการเก็บรักษาและมีการเติบโตอยู่ตลอดเวลา เป้าหมายของเงินสดอาจจะไม่ใช่เพื่อสร้างผลตอบแทนให้คุณเสมอไป ถ้าเราไม่รู้วิธีการลงทุนที่เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งนัก

เอาง่ายๆ คือ อยากได้ผลตอบแทนระยะสั้นให้ไปที่ออมทรัพย์ เพราะสามารถปรับเปลี่ยนธุรกรรมทางการเงินได้ตลอดเวลา ดอกเบี้ยรายปี ไม่ว่าจะฝากเงิน ถอนเงิน ส่วนการลงทุนจะเน้นเป้าหมายระยะยาวมากกว่า ซึ่งจะมีความเสี่ยงซึ่งต้องรับได้ในการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้การเทรดหุ้น ก็เป็นการทำในรูปแบบของการลงทุนรูปแบบหนึ่ง

จะสรุปได้ว่าการลงทุนทำให้เงินของคุณมีศักยภาพที่จะเติบโตได้เร็วกว่าที่สามารถทำได้ในบัญชีออมทรัพย์ ซึ่งออมทรัพย์จะมีดอกเบี้ยเป็นอัตราตอบแทน ซึ่งต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของธนาคารนั้นๆ หากคุณมีเวลานานจนกว่าคุณจะต้องบรรลุเป้าหมายผลตอบแทนของคุณจะทบต้น โดยทั่วไปนี่หมายความว่านอกเหนือจากอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงขึ้นรายได้จากการลงทุนของคุณจะได้รับเงินเมื่อเวลาผ่านไป

#ธุรกิจ #การออมเงิน #การเงิน # การลงทุน #GUรู็ การเงิน  #mee-money.com