ข้อเสียของ Bitcoin ที่สุดก็คือผลกระทบต่อธรรมชาติ
เมื่อโลกของเราเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีก็ได้มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมายโดยเฉพาะในสายการลงทุนที่มีทรัพย์สินที่เรียกได้ว่าสร้างผลตอบแทนได้สูงมากกว่าทรัพย์สินที่มีอยู่บนโลกในอดีตซึ่งนั่นก็คือเงินดิจิตอลนั่นเองในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีก็สามารถสร้างกำไรให้กับผู้ลงทุนได้เป็นกอบเป็นกำและที่สำคัญยังดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่ให้เข้ามาลงทุนอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายเงินดิจิตอลหรือการขุดเหรียญก็ตามที

แต่ทุก ๆ สิ่งย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีของเงินดิจิตอลอย่าง Bitcoin ก็คือการที่ไม่มีตัวกลางมาควบคุม ความปลอดภัย ผลตอบแทนที่สูง และยังมีประโยชน์ในด้านการโอนเงินต่างประเทศ แต่ว่าข้อเสียของ Bitcoin ที่ดูจะร้ายแรงที่สุดก็คือผลกระทบต่อธรรมชาติ
การขุดเหรียญ Bitcoin เป็นการยืนยันการทำธุรกรรมบนบล็อกเชนของ Bitcoin ซึ่งรางวัลจากการขุดเรื่องการยืนยันการทำธุรกรรมต่างๆ ก็คือเหรียญ Bitcoin ทำเอง ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีเหมืองขุดกระจายกันอยู่ทั่วโลกเลยทีเดียว ซึ่งการที่จะทำให้คุ้มต่อการลงทุนจึงจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องขุดที่มีประสิทธิภาพและจำนวนมาก ซึ่งผลที่ตามมาก็คือการใช้พลังงานที่มากนั่นเอง แน่นอนว่าโลกของเรานั้นตั้งแต่ในยุคอุตสาหกรรมเป็นต้นมาก็เต็มไปด้วยมลพิษและกำลังเผชิญหน้ากับภาวะโลกร้อน การขุด Bitcoin ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เป็นตัวเร่งให้ผลกระทบไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อนมลภาวะทางอากาศเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากขึ้น ที่สำคัญเลยก็คือการขุดเหรียญ Bitcoin นั้นทำให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นไปด้วยเช่นเดียวกัน

ในปัจจุบันนี้อุปกรณ์ที่ใช้ในการขุดเหรียญ Bitcoin นั้นมีอายุการทำงานที่สั้นมากโดยมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 1.29 ปีเพียงเท่านั้นเองนั่นก็หมายความว่าเมื่อหมดเครื่องขุดหมดอายุก็ต้องทิ้งแล้วมันก็จะกลายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยการขุด Bitcoin ได้สร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์ปีละ 30,700 ตัน โดยเฉลี่ยแล้วใน 1 การทำธุรกรรมจะก่อให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์ 272 กรัมนั่นเอง ซึ่งปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่การขุดได้สร้างขึ้นนั้นเทียบเท่าขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกทิ้งในประเทศเนเธอร์แลนด์เลยทีเดียวซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้ถูกเปิดเผยมาจากการวิจัยที่ได้ถูกเผยแพร่ใน the journal Resources, Conservation & Recycling

ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปจำนวนขยะอิเล็กทรอนิกส์ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว ซึ่งวิธีแก้ไขก็คือการเปลี่ยนวิธีการยืนยันการทำธุรกรรมนั่นเอง โดยปัจจุบันนี้ Bitcoin นั้นมีการทำงานแบบ proof of work ซึ่งจะต้องใช้การขุดในการยืนยันการทำธุรกรรม แล้วผู้ที่ทำการขุดหรือถอดรหัสได้ก็จะได้รางวัลเป็น Bitcoin แต่ว่าในเหรียญอย่าง Ethereum ในปัจจุบันนี้มีการทำงานแบบ proof of stake ซึ่งจะไม่มีการขุด โดยรางวัลจากผู้ที่ทำ Pool of stake จะได้เป็นค่าธรรมเนียมแทน ซึ่งจะลดต้นทุนได้อย่างมหาศาลและมีแนวโน้มที่จะลดปัญหาทางด้านขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ดีด้วย ต้องดูว่าในอนาคต Bitcoin จะแก้ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องขยะอย่างไรและจะมีผู้ที่สนับสนุน Bitcoin ท่านใดออกมามีแนวคิดที่จะลดปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง
ภาพจาก Pixabay
ข้อมูลจาก BBC , สยามบล็อกเชน
ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ GUรู็ การเงิน
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook