ก.ล.ต ยังไม่ปล่อยผ่าน Spot Bitcoin ETF ง่าย ๆ

ก.ล.ต ยังไม่ปล่อยผ่าน Spot Bitcoin ETF ง่าย ๆ

เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมากองทุนระดับโลกอย่าง Black Rock และ Fidelity และกองทุนอื่น ๆ มีการยื่นใบสมัครเพื่อทำการเปิด Spot Bitcoin ETF ให้กับหน่วยงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับชาวคริปโตอยู่ไม่น้อย แต่สุดท้ายก็ถูก ก.ล.ต ปฏิเสธกลับมาเนื่องจากยังมีข้อมูลที่ไม่มีความชัดเจนในเรื่องของแหล่งอ้างอิงราคา Bitcoin

หลังจากใบสมัครถูกปัดทิ้งในครั้งแรก Black Rock ก็ได้มีการยื่นใบสมัครใหม่อีกครั้งโดยคราวนี้ได้กำกับชื่อแหล่งอ้างอิงราคาไว้ด้วยว่าใช้ Coinbase ศูนย์ซื้อขายคริปโตเคอเรนซี่อันดับ 1 ของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นแหล่งอ้างอิงราคาของ Bitcoin

ข้อตกลงระหว่างบริษัทจัดการกองทุน Black Rock กับ ก.ล.ต ที่ส่งผลไปยัง Coinbase และ นักลงทุน

ภาพ Pexels/Karolina Grabowska

เมื่อบริษัทจัดการกองทุนที่ต้องการจะเปิด Spot Bitcoin ETF ใช้แหล่งอ้างอิงราคาจากศูนย์ซื้อขายอย่าง Coinbase ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะไปได้อยู่ดี แต่มันก็มีประเด็นให้น่าติดตามอยู่ 2 ประเด็นด้วยกัน ซึ่งมันก็ถูกระบุไว้ในข้อตกลงเพื่อที่จะยอมให้

  1. Surveillance-sharing agreement – เมื่อ Coinbase มีการเซ็นว่าจะเป็นแหล่งอ้างอิงราคาให้กับบริษัทจัดการกองทุนข้างต้นจำเป็นที่จะต้องแชร์ข้อมูลต่างๆ ให้กับ ก.ล.ต เพื่อให้หน่วยงานที่กำกับดูแลสามารถเข้ามาตรวจสอบพฤติกรรมต่างๆ ภายใน Coinbase ทำให้ยักษ์ใหญ่ของอเมริการายนี้จะตกอยู่สายตาของ ก.ล.ต
  2. Information-sharing agreement – เป็นข้อตกลงที่ Black Rock จะยอมให้ ก.ล.ต เข้ามาตรวจสอบข้อมูลของลูกค้าที่ทำการซื้อ Spot Bitcoin ETF ไม่ว่าจะเปลี่ยนชื่อ ที่อยู่ เพื่อเกิดความปลอดภัยกับลูกค้า

ภาพ Pexels/Karolina Grabowska

การที่ Spot Bitcoin ETF จะสามารถผ่านได้นั้น 2 ประเด็นดังกล่าวจะต้องเคลียร์และชัดเจนก่อน แต่มันก็คงต้องใช้เวลาอยู่อีกไม่น้อยเลยทีเดียวโดยเฉพาะในด้านของ Coinbase ที่มีความขัดแย้งกับ ก.ล.ต มาก่อนหน้านี้จนถึงขั้นขึ้นศาลเลยทีเดียว

คดีความต่าง ๆ ก็ยังอยู่ในช่วงต้นของการพิจารณา ดังนั้นเราอาจจะไม่ได้เห็นความคืบหน้าของ Spot Bitcoin ETF ในประเทศสหรัฐอเมริกาเร็ว ๆ นี้แน่นอน ซึ่งแตกต่างจากทางฟากฝั่งยุโรปที่ได้มีการขยับเขยื้อนแล้วโดยจะมีการเปิดตัว Spot Bitcoin ETF ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ซึ่งเป็นการเปิดกองทุนจากบริษัท Jacobi Asset Management ที่ได้รับการดูแลโดย Fidelity ยุโรปได้นำไปก่อนแล้ว ต้องมาติดตามกันว่าทางฟากฝั่งอเมริกาจะเดินไปทางไหนต่อไป

ข้อมูลจาก efinancethai , Cointelegraph, Coindesk

ดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ เศรษฐกิจโลก  
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook 

Binance โดนฟ้อง วงการคริปโตอาจมีภัย

Binance โดนฟ้อง วงการคริปโตอาจมีภัย

Binance ศูนย์ซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี่รายใหญ่ที่สุดของโลกโดน ก.ล.ต.สหรัฐสั่งฟ้อง กลายเป็นข่าวใหญ่ประจำเดือนมิถุนายนพร้อมกับพาตลาดคริปโตกลายเป็นนรกเลยก็ว่าได้

สำหรับ Binance ที่เป็นรายใหญ่ในวงการคริปโต การถูกเพ่งเล็งจากรัฐบาลสหรัฐเป็นเรื่องที่ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้และเป็นมาเสมอตั้งแต่ตลาดคริปโตเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ก่อนหน้านี้ทาง ก.ล.ต.สหรัฐก็ได้เข้าไปกำกับดูแลบริษัท Paxos บริษัทที่ดูแลเหรียญ BUSD ให้กับ Binance จนทำให้เหรียญ BUSD ร่มกันเลยทีเดียว แต่การสั่งฟ้องคราวนี้รุนแรงมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาโดย Gary Gensler ประธาน ก.ล.ต.ของประเทศสหรัฐได้มีการฟ้อง Binance ถึง 13 ข้อหารวมทั้งสิ้นจำนวนหน้าทั้งหมด 136 หน้า ซึ่งอาจจะทำให้ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ถึงตลาดคริปโตเลยก็เป็นได้ โดยสามารถแบ่งเป็นหัวข้อหลักได้ดังนี้

  • มีการใช้ทุนของลูกค้าที่ไม่ชอบมาพากล
  • มีโฆษณาชวนเชื่อที่ชี้นำไปในทางที่ผิด
  • ทำผิดกฎหลักทรัพย์
  • ล้มเหลวในการจำกัดลูกค้าชาวอเมริกัน

นอกจากการฟ้อง Binance ก็ยังมีการสั่งฟ้อง CZ ผู้ที่เป็น CEO ของบริษัทด้วยและยังได้มีการกล่าวถึง Binance.US ในการสั่งฟ้องครั้งนี้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยมีการกล่าวว่า Binance.US มีความเชื่อมโยงกับ Binance Global โดยทางก.ล.ต.สหรัฐ ก็มีหลักฐานที่ชี้ว่าทั้ง 2 บริษัทนั้นมีความเชื่อมโยงกันผ่านบริษัทที่มีชื่อว่า BAM Management US Holding Inc. ซึ่งมันต่างจากที่ CZ และทาง Binance Global ออกมาบอกก่อนหน้านี้ว่าทั้งสองบริษัทไม่ได้มีความเชื่อมโยงกันและเป็นอิสระต่อกัน

ภาพ Pexels/Karolina Grabowska

ก.ล.ต.สหรัฐ มีความลำเอียงในการกำกับดูแล

ถึงแม้ว่าทาง Gary Gensler จะออกมาบอกว่าการกระทำครั้งนี้ก็เพื่อดูแลนักลงทุนไม่ให้พบกับความเสี่ยงในการลงทุนบนโลกคริปโตเคอเรนซี่ แต่ก็สร้างความไม่พอใจให้กับชาวเน็ตและนักลงทุนบางส่วนด้วยเช่นเดียวกัน เพราะคนบางกลุ่มก็มองว่ามันคือความลำเอียงของ ก.ล.ต.สหรัฐ ที่มีการกำกับดูแลแต่ละ Exchange ด้วยมาตรฐานที่แตกต่างกัน Gary Gensler มักจะมุ่งเป้าไปที่ Binance แต่กับ FTX ที่ล่มไปก่อนหน้านี้กับไม่มีการพูดถึงเลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งถ้าดูจากข้อหาที่ฟ้องร้อง Binance ก็สามารถเอาไปฟ้องร้อง FTX ในอดีตที่ Sam Bankman-Fried เป็นเจ้าของได้ด้วยเช่นเดียวกัน แต่ด้วย Gary Gensler มีความสัมพันธ์กับ Sam Bankman-Fried ทำให้เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องการล่มสลายของ FTX เลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้นักลงทุนและชาวเน็ตเริ่มไม่พอใจกับการกำกับดูแลของ ก.ล.ต.สหรัฐที่ไร้มาตรฐาน รวมถึงนายทุนส่วนใหญ่ก็เริ่มย้ายออกจากประเทศสหรัฐเพื่อหาช่องทางลงทุนในประเทศอื่น ๆ

ภาพ Pexels/David McBee

ผลที่ตามมาจากการสั่งฟ้อง Binance

การสั่งฟ้อง Binance อาจจะทำให้เกิด Freeze Asset จะทำให้บริษัทและ CZ ไม่สามารถโยกย้ายทรัพย์สินได้นั่นเอง ถึงแม้ว่าจะทำได้กับเงิน Fiat แต่ในมุมของเงินดิจิตอลแล้วยังคงต้องใช้เวลา ซึ่งในส่วนนี้อาจจะทำให้เงินทุนของลูกค้าถูกแช่แข็งไปด้วย ทำให้อาจจะไม่สามารถโอนเงินเข้าออกได้จากโบรกเกอร์ได้ ด้วยเหตุนี้เมื่อข่าวเริ่มแพร่กระจายสู่โลกออนไลน์นักลงทุนส่วนใหญ่ก็เริ่มจะมีการถอนเงินออกจาก Exchange โดยผ่านไปไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็มีเงินไหลออกกว่า 2.6% ของเงินทุนสำรองทั้งหมดของ Binance ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มมีความไม่ไว้ใจกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและคงจะมีแรงถอนจนกว่าคลื่นลมจะสงบลง

ตลาดทุนคริปโตเคอเรนซี่ก็ปรับตัวลงมาอย่างรุนแรงเหรียญอย่าง Bitcoin ร่วงลงมามากกว่า 5% และ Ethereum ก็ปรับตัวลงมาถึง 4% ด้วยกัน จากการปรับตัวลงของ 2 เหรียญใหญ่ทำให้เหรียญเล็กอื่นๆ ก็ปรับตัวลงเช่นเดียวกันเรียกได้ว่าตลาดแดงต้อนรับข่าวร้ายกันเลยทีเดียว

จากข่าวใหญ่ในคราวนี้ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าเงินทุนส่วนใหญ่ที่ออกจาก Binance จะไหลไปสู่ Exchange อันดับ 2 และอันดับที่รองลงมาและได้การกำกับดูแลจากประเทศที่เป็นมิตรต่อคริปโตไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์หรือฮ่องกง

เมื่อมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นในโลกของการลงทุน นักลงทุนอย่างเราก็ควรที่จะดูแลพอร์ตการลงทุนของตัวเองให้ดี Binance ก็เป็นอีกส่วนซื้อขายหนึ่งที่มีคนไทยใช้งานเป็นจำนวนมากถ้าหากใครเริ่มรู้สึกถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นก็สามารถโอนเงินเข้าไปเก็บไว้ใน Hardware wallet หรือ Exchange เจ้าอื่นก่อนก็ได้เช่นเดียวกัน จนกว่าผลกระทบจากคลื่นลูกนี้จะหมดไปหรือเบาบางลง

ข้อมูลจาก The Standard , Bloomberg

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ เศรษฐกิจโลก 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook