CEO ของ Onlyfans บอกเหตุผลการแบนเนื้อหา 18 +
เมื่อช่วงวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา หลาย ๆ คนคงได้ยินข่าวเกี่ยวกับ Onlyfans แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่นั้นได้ออกมาประกาศว่าทางแพลตฟอร์มนั้นจะมีการแบนเนื้อหาที่เกี่ยวกับเรื่องเพศ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคมปีนี้ และจะมีการลบโพสต์ต่างๆในช่วงวันที่ 1 ธันวาคมปีนี้
ซึ่งหลังจากที่ผู้คนมากมายได้รับรู้ข่าวของการระงับเนื้อหาแนว 18 + นี้ก็ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันบนโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก และจากนโยบายใหม่ที่ออกมาอาจจะทำให้ Onlyfans สูญเสียเอกลักษณ์ของตนเองไปได้เลยทีเดียว
Onlyfans ได้เริ่มมีการเปิดให้บริการตั้งแต่ในปี 2016 ซึ่งในช่วงหลังแพลตฟอร์มก็ได้รับความนิยมมากขึ้น และมีผู้ใช้งานเข้ามาใช้งานมากขึ้นจนเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งโลกเลยทีเดียว โดยมีผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 100 ล้านคนเลยทีเดียว นอกจากลักษณะเด่นของแพลตฟอร์มที่เป็นเนื้อหาแนว 18 + แล้ว Onlyfans ก็ยังเป็นแหล่งหารายได้ของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์หลาย ๆ คนอีกด้วย เพราะว่าการใช้งานแพลตฟอร์มนี้ผู้ใช้งานนั้นจะเป็นที่จะต้องสมัครสมาชิกเพื่อที่จะเข้าไปรับชมเนื้อหาต่างๆ ที่เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ได้สร้างไว้นั่นเอง แน่นอนว่าเมื่อออกกฎระเบียบใหม่ขึ้นมา Onlyfans และเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ที่ใช้งานอยู่ต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ซึ่งในตอนนี้ก็ยังไม่สามารถหาวิธีการแก้ไขได้
Tim Stokely ผู้ที่เป็น CEO ของ Onlyfans ก็ไม่ได้อยากที่จะเปลี่ยนนโยบายของแพลตฟอร์มใหม่แต่ว่าเขาได้ให้เหตุผลเกี่ยวกับการที่จะต้องเปลี่ยนนโยบายใหม่นี้โดยมีสาเหตุมาจากธนาคาร ในการสัมภาษณ์กับ The financial times เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเขาได้บอกว่าธนาคารนั้นไม่มีท่าทีไม่สนับสนุน ทำให้ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นั้นที่จำเป็นที่จะต้องมอบให้กับอินฟลูเอนเซอร์นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทาง Onlyfans จำใจที่ต้องทำเพราะว่าไม่มีตัวเลือก และ Tim Stokely ก็ยังบอกอีกด้วยว่าเขานั้นพร้อมที่จะกลับมาปลดแบนเนื้อหา 18 + อีกครั้ง ถ้าหากว่าธนาคารนั้นมีการเปลี่ยนแปลง
ซึ่งก็ต้องมาติดตามรู้ว่าในอนาคต Onlyfans จะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน จะสามารถรักษาฐานผู้ใช้งานไว้ได้หรือไม่ แล้วจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายกลับมาให้ผู้ใช้งานนั้นสามารถลงเนื้อหา 18 + อีกครั้งได้เมื่อใด ซึ่งในส่วนนี้ก็ยังไม่มีใครตอบได้ แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงอยากจะให้ Onlyfans คงนโยบายเดิมไว้อย่างแน่นอน
ภาพจาก Pixabay
ข้อมูลจาก Cnet
ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ มาร์เก็ตติ่ง
เวปไซด์ mee-money.com
