Binance โดนฟ้อง วงการคริปโตอาจมีภัย

Binance โดนฟ้อง วงการคริปโตอาจมีภัย

Binance ศูนย์ซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี่รายใหญ่ที่สุดของโลกโดน ก.ล.ต.สหรัฐสั่งฟ้อง กลายเป็นข่าวใหญ่ประจำเดือนมิถุนายนพร้อมกับพาตลาดคริปโตกลายเป็นนรกเลยก็ว่าได้

สำหรับ Binance ที่เป็นรายใหญ่ในวงการคริปโต การถูกเพ่งเล็งจากรัฐบาลสหรัฐเป็นเรื่องที่ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้และเป็นมาเสมอตั้งแต่ตลาดคริปโตเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ก่อนหน้านี้ทาง ก.ล.ต.สหรัฐก็ได้เข้าไปกำกับดูแลบริษัท Paxos บริษัทที่ดูแลเหรียญ BUSD ให้กับ Binance จนทำให้เหรียญ BUSD ร่มกันเลยทีเดียว แต่การสั่งฟ้องคราวนี้รุนแรงมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาโดย Gary Gensler ประธาน ก.ล.ต.ของประเทศสหรัฐได้มีการฟ้อง Binance ถึง 13 ข้อหารวมทั้งสิ้นจำนวนหน้าทั้งหมด 136 หน้า ซึ่งอาจจะทำให้ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ถึงตลาดคริปโตเลยก็เป็นได้ โดยสามารถแบ่งเป็นหัวข้อหลักได้ดังนี้

  • มีการใช้ทุนของลูกค้าที่ไม่ชอบมาพากล
  • มีโฆษณาชวนเชื่อที่ชี้นำไปในทางที่ผิด
  • ทำผิดกฎหลักทรัพย์
  • ล้มเหลวในการจำกัดลูกค้าชาวอเมริกัน

นอกจากการฟ้อง Binance ก็ยังมีการสั่งฟ้อง CZ ผู้ที่เป็น CEO ของบริษัทด้วยและยังได้มีการกล่าวถึง Binance.US ในการสั่งฟ้องครั้งนี้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยมีการกล่าวว่า Binance.US มีความเชื่อมโยงกับ Binance Global โดยทางก.ล.ต.สหรัฐ ก็มีหลักฐานที่ชี้ว่าทั้ง 2 บริษัทนั้นมีความเชื่อมโยงกันผ่านบริษัทที่มีชื่อว่า BAM Management US Holding Inc. ซึ่งมันต่างจากที่ CZ และทาง Binance Global ออกมาบอกก่อนหน้านี้ว่าทั้งสองบริษัทไม่ได้มีความเชื่อมโยงกันและเป็นอิสระต่อกัน

ภาพ Pexels/Karolina Grabowska

ก.ล.ต.สหรัฐ มีความลำเอียงในการกำกับดูแล

ถึงแม้ว่าทาง Gary Gensler จะออกมาบอกว่าการกระทำครั้งนี้ก็เพื่อดูแลนักลงทุนไม่ให้พบกับความเสี่ยงในการลงทุนบนโลกคริปโตเคอเรนซี่ แต่ก็สร้างความไม่พอใจให้กับชาวเน็ตและนักลงทุนบางส่วนด้วยเช่นเดียวกัน เพราะคนบางกลุ่มก็มองว่ามันคือความลำเอียงของ ก.ล.ต.สหรัฐ ที่มีการกำกับดูแลแต่ละ Exchange ด้วยมาตรฐานที่แตกต่างกัน Gary Gensler มักจะมุ่งเป้าไปที่ Binance แต่กับ FTX ที่ล่มไปก่อนหน้านี้กับไม่มีการพูดถึงเลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งถ้าดูจากข้อหาที่ฟ้องร้อง Binance ก็สามารถเอาไปฟ้องร้อง FTX ในอดีตที่ Sam Bankman-Fried เป็นเจ้าของได้ด้วยเช่นเดียวกัน แต่ด้วย Gary Gensler มีความสัมพันธ์กับ Sam Bankman-Fried ทำให้เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องการล่มสลายของ FTX เลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้นักลงทุนและชาวเน็ตเริ่มไม่พอใจกับการกำกับดูแลของ ก.ล.ต.สหรัฐที่ไร้มาตรฐาน รวมถึงนายทุนส่วนใหญ่ก็เริ่มย้ายออกจากประเทศสหรัฐเพื่อหาช่องทางลงทุนในประเทศอื่น ๆ

ภาพ Pexels/David McBee

ผลที่ตามมาจากการสั่งฟ้อง Binance

การสั่งฟ้อง Binance อาจจะทำให้เกิด Freeze Asset จะทำให้บริษัทและ CZ ไม่สามารถโยกย้ายทรัพย์สินได้นั่นเอง ถึงแม้ว่าจะทำได้กับเงิน Fiat แต่ในมุมของเงินดิจิตอลแล้วยังคงต้องใช้เวลา ซึ่งในส่วนนี้อาจจะทำให้เงินทุนของลูกค้าถูกแช่แข็งไปด้วย ทำให้อาจจะไม่สามารถโอนเงินเข้าออกได้จากโบรกเกอร์ได้ ด้วยเหตุนี้เมื่อข่าวเริ่มแพร่กระจายสู่โลกออนไลน์นักลงทุนส่วนใหญ่ก็เริ่มจะมีการถอนเงินออกจาก Exchange โดยผ่านไปไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็มีเงินไหลออกกว่า 2.6% ของเงินทุนสำรองทั้งหมดของ Binance ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มมีความไม่ไว้ใจกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและคงจะมีแรงถอนจนกว่าคลื่นลมจะสงบลง

ตลาดทุนคริปโตเคอเรนซี่ก็ปรับตัวลงมาอย่างรุนแรงเหรียญอย่าง Bitcoin ร่วงลงมามากกว่า 5% และ Ethereum ก็ปรับตัวลงมาถึง 4% ด้วยกัน จากการปรับตัวลงของ 2 เหรียญใหญ่ทำให้เหรียญเล็กอื่นๆ ก็ปรับตัวลงเช่นเดียวกันเรียกได้ว่าตลาดแดงต้อนรับข่าวร้ายกันเลยทีเดียว

จากข่าวใหญ่ในคราวนี้ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าเงินทุนส่วนใหญ่ที่ออกจาก Binance จะไหลไปสู่ Exchange อันดับ 2 และอันดับที่รองลงมาและได้การกำกับดูแลจากประเทศที่เป็นมิตรต่อคริปโตไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์หรือฮ่องกง

เมื่อมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นในโลกของการลงทุน นักลงทุนอย่างเราก็ควรที่จะดูแลพอร์ตการลงทุนของตัวเองให้ดี Binance ก็เป็นอีกส่วนซื้อขายหนึ่งที่มีคนไทยใช้งานเป็นจำนวนมากถ้าหากใครเริ่มรู้สึกถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นก็สามารถโอนเงินเข้าไปเก็บไว้ใน Hardware wallet หรือ Exchange เจ้าอื่นก่อนก็ได้เช่นเดียวกัน จนกว่าผลกระทบจากคลื่นลูกนี้จะหมดไปหรือเบาบางลง

ข้อมูลจาก The Standard , Bloomberg

ติดตามบทความเรื่อง การเงิน การลงทุน และธุรกิจได้ที่ เศรษฐกิจโลก 
เวปไซด์ mee-money.com และสามารถติดตาม บทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ทาง facebook